กรุงเทพฯ--26 ส.ค.--บล.กสิกรไทย
บลจ.กสิกรไทย ส่งกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ โปรแอคทีฟ (K-FIXEDPRO) เพิ่มทางเลือกให้ผู้ลงทุนในยุคที่ดอกเบี้ยต่ำ ชูโอกาสรับผลตอบแทนจากตราสารหนี้คุณภาพดีทั้งไทยและต่างประเทศ ผ่านกลยุทธ์แบบเชิงรุกจากการบริหารร่วมกันระหว่าง บลจ.กสิกรไทย และ Alliance Bernstein L.P. เสนอขายครั้งแรก 27 ส.ค. – 9 ก.ย.นี้
นายนาวิน อินทรสมบัติ Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า หลังจากที่กนง.ได้ประกาศลดดอกเบี้ยนโยบายมาอยู่ที่ระดับ 1.50% อีกทั้งกฎหมายการจัดเก็บภาษีกองทุนตราสารหนี้ได้มีผลบังคับใช้แล้วนั้น ส่งผลให้ผู้ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ต้องมองหาโอกาสจากการลงทุนในรูปแบบอื่นๆ เพิ่มเติม บลจ.กสิกรไทย จึงจัดตั้งกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ โปรแอคทีฟ (K-FIXEDPRO) ซึ่งเป็นกองทุนน้องใหม่ในตระกูลตราสารหนี้ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ไม่มาก และยังต้องการรับผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้อยู่ โดยเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ในระหว่างวันที่ 27 ส.ค. – 9 ก.ย. 62
นายนาวินกล่าวต่อไปว่า กองทุน K-FIXEDPRO เป็นกองทุนที่ต่อยอดมาจากกองทุน K-FIXED และ K-FIXEDPLUS ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) ทั้งไทยและต่างประเทศในสัดส่วน 50% : 50% ของพอร์ต โดยไม่มีการลงทุนใน High Yield Bond ทำให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีได้บนความเสี่ยงที่ไม่มากนัก ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ที่มีความเชี่ยวชาญตราสารหนี้ในไทย และ Alliance Bernstein L.P. ผู้เชี่ยวชาญตราสารหนี้ทั่วโลกที่บริหารตราสารหนี้มากกว่า 250,000 ล้านเหรียญ ได้ร่วมมือกันบริหารกองทุนดังกล่าวผ่านกลยุทธ์แบบเชิงรุกที่คัดเลือกตราสารแบบรายตัว และปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมตามสภาวะตลาด โดยมุ่งหวังผลตอบแทนประมาณ 2.50% ต่อปี – 3.00% ต่อปี
"บลจ.กสิกรไทย มีมุมมองบวกต่อตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจาก (1) ตราสารหนี้ภาคเอกชนในเอเชียยังมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง โดยบริษัทส่วนใหญ่ในเอเชียมีแนวโน้มเติบโตของกำไรสูง และคาดว่าปี 2563 บริษัทเอเชียมีการเติบโตของกำไรประมาณ 14% ต่อปี ขณะที่บริษัททั่วโลกมีการเติบโต 10% ต่อปี (2) ความสามารถในการชำระหนี้อยู่ในระดับสูง โดยจากสถิติย้อนหลัง 30 ปี พบว่า ตราสารหนี้ Investment Grade มีผลขาดทุนสะสมจากการผิดนัดชำระหนี้เฉลี่ยต่ำมากเมื่อเทียบตราสารหนี้ High Yield (3) หุ้นกู้เอเชียมีเสถียรภาพ เนื่องจากผู้ลงทุนหลักเป็นนักลงทุนเอเชีย และ (4) ผลตอบแทนของหุ้นกู้ในเอเชียมีความน่าสนใจกว่าภูมิภาคอื่น ซึ่งหากพิจารณาที่ผลตอบแทนปรับด้วยความเสี่ยง จะเห็นว่าดัชนีหุ้นกู้เอเชียมีผลตอบแทนปรับด้วยความเสี่ยงสูงถึง 1.59 ขณะที่ตราสารหนี้เอกชนทั่วโลกและตลาดเกิดใหม่ทำได้เพียง 1.01 และ 1.45 ตามลำดับ ส่วนตลาดตราสารหนี้ไทยยังมีเสถียรภาพในสายตานักลงทุนต่างประเทศที่มองว่าเงินบาทยังแข็งค่าและเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยท่ามกลางความผันผวนของตลาดการเงินโลก อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตาประเด็นการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมถึงความเสี่ยงทางการเมืองระหว่างประเทศที่อาจส่งผลกระทบต่อความรู้สึก (sentiment) ของนักลงทุนต่างประเทศ" นายนาวินกล่าว
นายนาวินกล่าวต่อไปว่า การถือตราสารหนี้ระยะยาวจะช่วยกระจายความเสี่ยง และปกป้องพอร์ตในภาวะตลาดผันผวนได้ ดังนั้น กองทุน K-FIXEDPRO จึงเหมาะกับผู้ที่สามารถลงทุนได้ในระยะเวลา 1 ปีขึ้นไป และต้องการผลตอบแทนมากกว่ากองทุนตราสารหนี้ในประเทศ โดยกระจายการลงทุนไปยังตราสารหนี้ต่างประเทศ แต่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงมากนัก ทั้งนี้ เริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาท ผ่านแอป K-My Funds หรือ ธนาคารกสิกรไทย และตัวแทนสนับสนุนการขายของ บลจ.กสิกรไทย โดยติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางดังกล่าว สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน เนื่องจากกองทุนลงทุนในตราสารหนี้และเงินฝาก ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยอาจมีผลกระทบต่อมูลค่าหน่วยลงทุนในระยะสั้นได้ กองทุนป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ ทั้งนี้ เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้