กรุงเทพฯ--19 ก.พ.--บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้เข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2550 โดยมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและบริหารบลจ.กรุงไทยให้มีผลการดำเนินงานและระบบการจัดการที่ดี เป็นบริษัทที่มีผลิตภัณฑ์และบริการทางด้านการลงทุนอย่างครบถ้วน
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2550 บริษัทมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2550 เท่ากับ 210,872 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ที่มีอยู่ประมาณ 185,599 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.62% โดยบริษัทมีกำไรสุทธิประมาณ 70 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้
ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจใน 2551 บริษัทจะดำเนินธุรกิจในเชิงรุกทุกๆด้าน โดยในเบื้องต้นจะพัฒนาระบบการบริการลูกค้าให้มีประสิทธิมากขึ้น มีช่องทางการบริการและเสนอขายหน่วยลงทุนที่ครบวงจร สร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้าเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในด้าน Convenience bank นอกจากนี้ บริษัทจะออกกองทุนให้มีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้ารายใหม่ เป้าหมาย AUM ในปี2551 ตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 260,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 25% จากปี2550 โดยจะมาจากการเปิดจำหน่ายกองทุนประเภทตราสารหนี้ระยะสั้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ เน้นการจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ (KTSS) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงินที่ลงทุนในประเทศ และจะออกกองทุนรวมตลาดเงินต่างประเทศเป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ลงทุน เพื่อรองรับพ.ร.บ.ประกันเงินฝาก พร้อมทั้งจะออกกองทุนประเภทใหม่ๆ (New Product Development) ที่มีความแตกต่างไปจากกองทุนเดิมที่มีอยู่
นางสาวประภา ปูรณโชติ รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงานกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กล่าวว่า บริษัทมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ( NAV)ของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2550 ประมาณ 71,374 ล้านบาท โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2549 ที่มีอยู่ 69,297 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3% โดยในช่วงปลายปี2550มีกองทุนที่ครบอายุสัญญาทั้งสิ้น 19 กองทุน มูลค่า 42,000 ล้านบาท ได้รับการต่ออายุสัญญา 18 กองทุน มูลค่ารวม 31,500 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 มกราคม 2551 บริษัทมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่อยู่ภายใต้การบริหารทั้งสิ้นประมาณ 60,338.52 ล้านบาท แบ่งเป็น นายจ้างกลุ่มรัฐวิสาหกิจ 90% ส่วนที่เหลืออีก10% เป็นกลุ่มนายจ้างบริษัทเอกชนทั่วไป ซึ่งในปัจจุบันมีจำนวนกองทุนที่อยู่ภายใต้การบริหารทั้งสิ้น 34 กองทุน มีนายจ้างประมาณ 200 ราย และจำนวนสมาชิกประมาณ 140,000 ราย โดยแผนการดำเนินงานในปี 2551 บริษัทจะรักษาฐานลูกค้ารายเดิมไว้ โดยเน้นการบริการที่ดี ให้ความรู้ด้านการลงทุนต่อคณะกรรมการ และสมาชิกกองทุนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ จะขยายตลาดไปยังฐานลูกค้าของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และลูกค้าบริษัทเอกชนทั่วไป
ด้านนายธีรพันธุ์ จิตตาลาน รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน กล่าวว่า ในปี 2550 บริษัทสามารถบริหารกองทุนให้มีผลตอบแทนที่ดี โดยสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดในกองทุนทุกประเภท กองทุนตราสารหนี้ มีผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 5.97%ในขณะที่เกณฑ์มาตรฐาน AIMC อยู่ที่ 5.18%. กองทุนผสมและยืดหยุ่น( หุ้น-ตราสารหนี้ ) ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 36.67% เกณฑ์มาตรฐาน AIMC อยู่ที่ 15.69% และกองทุนหุ้นทุน เฉลี่ยอยู่ที่.39.56% ในขณะที่ SET Index อยู่ที่26.22%
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนของบริษัทในปี 2551 บริษัทมุ่งสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ความเสี่ยงการลงทุนที่ยอมรับได้ โดยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนส่วนบุคคล ที่ลงทุนในตราสารทุน ตั้งเป้าผลตอบแทนที่ 10-15% หรือสูงกว่า SET Index 1-4% ส่วนกองทุนรวม ผลตอบแทนสูงกว่า SET Index 1-4% และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกองทุนประเภทเดียวกันในอุตสาหกรรม
ส่วนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนส่วนบุคคล ที่ลงทุนในตราสารหนี้ จะสร้างผลตอบแทนของกองทุนสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
( Benchmark) 0.25-1.50% และกองทุนรวม สร้างผลตอบแทนติดอันดับ Top 5 ของอุตสาหกรรมในกองทุนแต่ละประเภท