กรุงเทพฯ--28 ส.ค.--เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น
SSP ส่องประกายเจิดจรัส เซียนหุ้นแนะซื้อพร้อมปรับเพิ่มราคาเป้าหมายแตะ 12 บาทต่อหุ้น หลังกำไรจากการดำเนินงานไตรมาส 2/62 โดดเด่น จากโรงไฟฟ้าใหม่อีกทั้งสามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ประเมินครึ่งปีหลังโตต่อเนื่อง เพราะรับรู้รายได้เต็มจากโครงการโซลาร์\ฟาร์มเวียดนาม และโรงไฟฟ้ามองโกเลีย ส่งผลให้กำลังการผลิตรวมสิ้นปีนี้อยู่ที่ประมาณ 121 เมกะวัตต์ คาดกำไรปีนี้แตะ692 ล้านบาทเพิ่มขึ้น39%จากปีก่อน ขณะที่ บล.ฟินันเซียไซรัส ประเมินอนาคตดีเติบโตไม่ต่ำกว่า 24%ได้อีก 3 ปี
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี(ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ระบุว่า ฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำซื้อหุ้น SSP โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 12 บาทต่อหุ้น เนื่องจาก SSP ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 2/62 อยู่ที่ 160 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากงวดเดียวกันปีก่อน , เพิ่มขึ้น 29% จากไตรมาส1/62) อย่างไรก็ตามหากตัดรายการพิเศษขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน กำไรปกติจะอยู่ที่ 193 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากปีก่อน,เพิ่มขึ้น 49%จากไตรมาส1/62 ซึ่งดีกว่าที่ฝ่ายวิจัยประเมิน 15% จากการผลิตไฟฟ้าที่มากกว่าคาดในช่วง high season ทั้งนี้กำไรปกติเติบโตเด่นจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และปัจจัยฤดูกาลที่ดี
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคงประมาณการกำไรปี 2562 อยู่ที่ 692 ล้านบาท เติบโตโดดเด่นเพิ่มขึ้น 39%จากปีก่อน และครึ่งหลังของปีนี้เติบโตต่อเนื่องจากโครงการใหม่ที่ทยอย COD ในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งจะเติบโตได้ต่อเนื่องจากการรับรู้รายได้เต็มจากโครงการ Solar farm Binh Nguyen (เวียดนาม) ซึ่ง COD ใน ไตรมาส2/62 และเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการ Solar farm Khonshign (มองโกเลีย) 11 เมกะวัตต์ ส่งผลให้กำลังการผลิตตามสัดส่วนรวม ณ สิ้นปี 2562 อยู่ที่ 121 เมกะวัตต์เพิ่มขึ้น 73% จากปีก่อน
พร้อมกันนี้ได้ปรับราคาเป้าหมายขึ้นสู่ 12 บาท โดย Key catalyst ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าอยู่ที่การ COD โครงการ Solar farm ที่ญี่ปุ่น (Yamaga 1-2, Leo) ขนาดกำลังการผลิตตามสัดส่วนฯรวม 67เมกะวัตต์ในปี 2563 ซึ่งเป็น 3 โครงการสุดท้ายที่บริษัทได้รับ PPA แล้วในปัจจุบัน และการเจรจาโครงการลมในเวียดนาม คาดเจรจาอยู่ราว 100 เมกะวัตต์ หากสำเร็จจะเป็นอีก Potential upside
บล.ฟินันเซียไซรัสระบุว่าฝ่ายวิจัยได้คงราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 10 บาท รวมมูลค่าจากโครงการโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้ว และอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และพัฒนาที่มีสัญญาขายไฟฟ้า (PPA) เป็น หุ้น Laggard ตัวหนึ่ง คงคำแนะนำซื้อ
ทั้งนี้ กำไรสุทธิครึ่งแรกของปีนี้เท่ากับ 285 ล้านบาท โต 9.7%จากงวดเดียวกันปีก่อน ส่วนกำไรปกติ 323 ล้านบาท โต 21.7%จากงวดเดียวกันปีก่อน และเป็นสัดส่วน 53%ของคาดการณ์ทั้งปีที่คาดกำไรปกติโต 23%จากงวดเดียวกันปีก่อน คาดทั้งปีโต 23% และ 3 ปีข้างหน้าโตเฉลี่ย24% ต่อปี
แนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 3/62 ดีต่อเนื่อง ปัจจัยหนุน คือ โครงการ Solar ในมองโกเลีย 16.4 เมกะวัตต์ และเวียดนาม 49.6 เมกะวัตต์ ซึ่งเริ่มมีผลเต็มไตรมาส นอกจากนี้ คาดกำไรปกติทั้งปีเพิ่มขึ้น 23%จากปีก่อน จากโครงการ Hidaka 21 เมกะวัตต์ ดำเนินการเต็มปี รวมทั้งการเริ่ม COD ของโครงการใหม่ และเติบโตอีก 25% ในปี 2563 จากโครงการ Yamaga 34.5 เมกะวัตต์ เริ่ม COD ตามด้วยโครงการ Leo 40 เมกะวัตต์ คาดเริ่ม COD ในปี 2565