กรุงเทพฯ--29 ส.ค.--อายิโนะโมะโต๊ะ
วัลลพ สงวนนาม (3 จากซ้าย) ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ) และ พิเชียร คูสมิทธิ์ (3 จากขวา) รองประธานมูลนิธิอายิโนะโมะโต๊ะ พร้อมด้วยคณะกรรมการมูลนิธิฯ ให้เกียรติเข้าร่วมในพิธีมอบเงินทุนสนับสนุน จำนวน 20 ล้านบาท สำหรับก่อสร้างอาคารโรงอาหารให้กับโรงเรียนสังกัดคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ได้รับการคัดเลือกในปีที่ 5 จำนวน 20 แห่ง ภายใต้โครงการ "อายิโนะโมะโต๊ะ โภชนาการเพื่อเด็กไทย ก้าวไกลสร้างชาติ" โดยมีผู้อำนวยการโรงเรียนแต่ละแห่งเป็นตัวแทนรับมอบ ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ทั้งนี้เป็นการมอบเงินทุนสนับสนุนโครงการต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ต่อจากโรงเรียนที่ได้รับการคัดเลือกร่วมโครงการใน 4 ปีแรก และได้ดำเนินการก่อสร้างไปเรียบร้อยแล้ว
สำหรับโครงการ "อายิโนะโมะโต๊ะ โภชนาการเพื่อเด็กไทย ก้าวไกลสร้างชาติ" เป็นหนึ่งในกิจกรรมเพื่อสังคมของ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งได้จัดทำบันทึกข้อตกลงร่วม (MOU) ระหว่าง มูลนิธิอายิโนะโมะโต๊ะ กับ กระทรวงศึกษาธิการ ไปเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2559 ภายใต้งบประมาณรวม 50 ล้านบาท เพื่อทำการก่อสร้างโรงอาหารที่ถูกสุขลักษณะให้กับโรงเรียนที่ประสบปัญหาขาดแคลน หรือไม่เพียงพอต่อจำนวนเด็กนักเรียน จำนวน 50 แห่งทั่วประเทศ โดยทางมูลนิธิอายิโนะโมะโต๊ะเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณการก่อสร้างโรงเรียนละ 1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาท) ปีละ 10 โรงเรียน เป็นระยะเวลา 5 ปี พร้อมจัดฝึกอบรมด้านโภชนาการให้กับครูและบุคลากรในโรงเรียน ซึ่งเริ่มคัดเลือกและดำเนินก่อสร้างไปแล้วตั้งแต่ปีการศึกษา 2559 และจะแล้วเสร็จภายใน 5 ปี หรือ ปีการศึกษา 2562 โดยโครงการในปี พ.ศ. 2560 ทางมูลนิธิได้เพิ่มการช่วยเหลือให้กับ 20 โรงเรียน ภายใต้โครงการ "โรงเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือพัฒนาเป็นพิเศษอย่างเร่งด่วน (ICU School)" ซึ่งเป็นโครงการที่รัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการกำลังเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือโรงเรียนที่ประสบปัญหาวิกฤติทางการศึกษา และพิจารณาช่วยเหลือโรงเรียนที่ขาดแคลนเพิ่มเติมอีก 10 แห่ง ในปี 2562 รวมการสนับสนุนตลอดโครงการทั้งสิ้นเป็นเงินงบประมาณ 80 ล้านบาท รวมโรงอาหารจำนวน 80 แห่ง ทั่วประเทศ
ทั้งนี้หากโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จ จะมีอาคารโรงอาหารที่ถูกสุขลักษณะรวมทั้งสิ้น 130 แห่ง ครอบคลุมโรงเรียนที่ขาดแคลนทั่วประเทศ และหากทำการส่งมอบเสร็จสิ้นจะทำให้เด็กนักเรียนไทยกว่า 50,000 คน ในถิ่นทุรกันดารจะได้รับโภชนาการที่ดี อันเป็นปัจจัยพื้นฐานที่จะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้และเติบโตเป็นบุคคลากรที่มีคุณภาพต่อไป