กรุงเทพฯ--26 ต.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ จำกัด ประกาศเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นบวก (Rating Watch Positive) บนอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ (Foreign Currency Rating) ระยะยาวที่ระดับ‘BB’ และอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวที่ระดับ ‘A-(tha)’ ของบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค หลังจากที่บริษัท เทเลนอร์ เอ เอส เอ (เทเลนอร์) ได้ประกาศซื้อหุ้นของบริษัท ยูไนเต็ด คอมมูนิเกชั่น อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือยูคอม ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุดของดีแทคจากกลุ่มเบญจรงคกุล ซึ่งจะส่งผลให้เทเลนอร์มีอำนาจบริหารในดีแทคมากขึ้น เครดิตพินิจแนวโน้มเป็นบวกสะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าดีแทคจะได้รับการสนับสนุนจากเทเลนอร์เพิ่มขึ้นทั้งทางด้านการดำเนินงานและการเงิน เนื่องจากการที่
เทเลนอร์เพิ่มการลงทุนในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการสอดคล้องกับนโยบายระยะยาวของเทเลนอร์ ที่จะเพิ่มผลกำไรและสร้างความมีเสถียรภาพของผลกำไรโดยการลงทุนในธุรกิจมือถือในภูมิภาคเอเชีย การนำอันดับเครดิตของดีแทคออกจากเครดิตพินิจขึ้นอยู่กับ การได้รับรายละเอียดเพิ่มเติมจากดีแทคว่าการที่เทเลนอร์เพิ่มการลงทุนในบริษัทจะมีผลกระทบต่ออันดับเครดิตอย่างไร อย่างไรก็ตามฟิทช์เล็งเห็นว่าการที่เทเลนอร์เพิ่มการลงทุนแสดงให้เห็นถึงระดับของความเชื่อมั่นและความพร้อมในการสนับสนุนที่เทเลนอร์มีเพิ่มขึ้นในดีแทค ซึ่งน่าจะช่วยให้ดีแทคมีความพร้อมมากขึ้นในการรับมือกับแข่งขันที่คาดว่าจะรุนแรงขึ้นในอุตสาหกรรมการให้บริการโทรศัพท์มือถือของประเทศไทย เนื่องจากเทเลนอร์มีขนาดของการดำเนินงานที่ใหญ่กว่าและมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งกว่า เทเลนอร์ได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นของดีแทคในกลางปี 2543 โดยเข้าซื้อหุ้น 29.9% ในดีแทค และ 24.9% ในยูคอมโดยมีส่วนร่วมในการบริหารที่สำคัญที่ดีแทคในตำแหน่ง Co-CEO และ CFO ในส่วนของการลงทุนในธุรกิจโทรศัพท์มือถือของเทเลนอร์ในเอเชีย เทเลนอร์ได้มีการลงทุนในบริษัท DiGi.Com ในประเทศมาเลเซีย (61%) บริษัท GrameenPhone ในประเทศบังคลาเทศ (62%) และ บริษัท Telenor Pakistan (100%) โดยยังมีความสนใจที่จะลงทุนในประเทศเวียดนามและประเทศเพื่อนบ้าน
สำหรับการซื้อขายหุ้นในครั้งนี้ บริษัทไทย เทลโค โฮลดิ้งส์ จำกัด (TTH) ซึ่งถือหุ้น 49% โดยบริษัท เทเลนอร์ เอเชีย ซึ่งเป็นบริษัทลูกถือ 100% โดยเทเลนอร์ ได้เซ็นสัญญาเข้าซื้อหุ้นสามัญจำนวน 39.9% ของยูคอมจากกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในราคา 9.2 พันล้านบาท จากการที่ยูคอมถือหุ้น 41.6% ในดีแทค ทำให้การซื้อขายหุ้นในครั้งนี้เมื่อแล้วเสร็จ จะส่งผลให้เทเลนอร์ถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมในดีแทคเพิ่มขึ้นเป็น 48.3% จาก 40.2% เทเลนอร์จะทำการรวมงบการเงินของยูคอมและดีแทคในงบการเงินของเทเลนอร์ โดยคาดว่าดีแทคจะเพิ่มผลกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ให้เทเลนอร์ประมาณ 12% TTH ยังต้องทำคำขอเสนอซื้อหุ้นยูคอมที่เหลืออยู่ทั้งหมดและร่วมกับเทเลนอร์ เอเชีย ทำคำขอเสนอซื้อหุ้นดีแทคที่ไม่ได้ถือโดยยูคอมหรือเทเลนอร์
ดีแทคเป็นผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศโดยมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 28% และมีชื่อเสียงทางการค้าเป็นที่รู้จักอย่างดีรวมถึงมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม บริษัทกำลังเผชิญกับการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นและบริษัทมีโครงสร้างต้นทุนที่ค่อนข้างสูง ผลประกอบการที่แข็งแกร่งและการใช้เงินลงทุนที่ลดลงในปี 2547 และช่วงครึ่งปีแรกปี 2548 ทำให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ลดลงมาที่ 2.2 เท่า ในช่วงครึ่งปีแรกปี 2548 จาก 3.6 เท่า ณ สิ้นปี 2546 อย่างไรก็ตามอัตราส่วน EBITDA ต่อค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย (EBITDA/Interest Expense) ลดมาที่ 4.5 เท่าในช่วงครึ่งปีแรกปี 2548 จาก 6.1 เท่า ในปี 2547 เนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายทางการเงินที่สูงขึ้นซึ่งสะท้อนถึงการที่ดีแทคมีหนี้สินที่ผูกกับอัตราดอกเบี้ยลอยตัว
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) เป็นการวัดระดับความน่าเชื่อถือในเชิงเปรียบเทียบกันระหว่างองค์กรในประเทศนั้นๆ โดยจะใช้ในประเทศที่อันดับเครดิตแบบสากลของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ อันดับเครดิตขององค์กรที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับองค์กรที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในตลาดในประเทศเป็นหลักและจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย ดังนั้นอันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้
คำจำกัดความของอันดับเครดิตและการใช้อันดับเครดิตดังกล่าวของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ สามารถหาได้จาก www.fitchratings.com อันดับเครดิตที่ประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิต ได้แสดงไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าวตลอดเวลา หลักจรรยาบรรณ การรักษาข้อมูลภายใน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น แนวทางการเปิดเผยข้อมูลระหว่างบริษัทในเครือ กฏข้อบังคับรวมทั้งนโยบายและกระบวนการที่เกี่ยวข้องอื่นๆของฟิทช์ ได้แสดงไว้ในส่วน ‘หลักจรรยาบรรณ’ ในเว็บไซต์ดังกล่าวเช่นกัน
ติดต่อ:
อรวรรณ การุณกรสกุล, Vincent Milton,
+662 655 4755, Jonathan Cornish + 852 2263 9901--จบ--