กรุงเทพฯ--2 ก.ย.--กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
"จ.บุรีรัมย์"ผนึกกำลังพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน เตรียมเปิดฉากการวิ่งมาราธอนระดับโลก"บุรีรัมย์มาราธอน2020" วันที่ 8-9 กุมภาพันธ์ปีหน้า "บิ๊กเน" เนวิน ชิดชอบ ประกาศยกระดับมาตรฐานเพื่อก้าวสู่ บรอนซ์เลเบิลในเดือนตุลาคมนี้ พร้อมจัดบิ๊กเซอร์ไพรส์แบ่งการแข่งขันเป็น 2 วัน "ฟันรัน" วันแรกในรูปแบบ "ไนท์รัน" บนแทร็คเดียวกับรถแข่งโมโตจีพี ขณะ มาราธอน, ฮาล์ฟ มาราธอน และ มินิ มาราธอน ดวลวันที่สองพร้อมนักวิ่งระดับท็อปของโลก ตั้งเป้ารับนักวิ่งสูงสุด 30,000 คน พร้อมเปลี่ยนเส้นชัยสัมผัสความยิ่งใหญ่ของสนามช้างอารีนา ถิ่นเหย้าของสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด เพิ่มจุดรับน้ำดื่มทุกๆ 2 กม. ชี้รับฟังทุกปัญหาเพื่อตอบสนองทุกความต้องการ
เมื่อวันจันทร์ที่ 2 กันยายน 2562 ที่ศูนย์การค้าเดอะ สตรีท รัชดา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย นายธีรวัฒน์ วุฒิคุณ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์, นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต และ พลตำรวจเอก สันต์ ศรุตานนท์ นายกสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมผู้สนับสนุนภาคเอกชน นายสุรพล อุทินทุ ผู้อำนวยการสำนักประสานงานภายนอก บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยเครื่องดื่มตราช้าง ร่วมแถลงข่าวการจัดการแข่งขันวิ่ง รายการ "บุรีรัมย์ มาราธอน 2020" ภายใต้แนวคิด "YOUR ULTIMATE DESTINATION-สวรรค์ของนักวิ่ง ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 1,650,000 บาท ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน โดยจะชิงชัยในวันที่ 8-9 กุมภาพันธ์ 2563 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า "กระทรวงฯมียุทธศาสตร์ที่ชัดเจนในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports Tourism) ในทุกประเภท โดยเฉพาะกีฬาที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เข้ามามีส่วนร่วมเป็นจำนวนมากอย่างการวิ่งมาราธอน แผนงานระยะยาวของเราคือการผลักดันให้ มาราธอน ในประเทศไทย กลายเป็น 1 ใน เมเจอร์มาราธอนของโลก เช่นเดียวกับ โตเกียว มาราธอน, บอสตัน มาราธอน, ลอนดอน มาราธอน, เบอร์ลิน มาราธอน, นิวยอร์ก ซิตี้ มาราธอน และ ชิคาโก มาราธอน ซึ่งมีเป้าหมายให้งานวิ่งของไทยกลายเป็นแบรนด์ระดับต้นๆ ของโลก"
"บุรีรัมย์ มาราธอน นับเป็นงานวิ่งรายการใหญ่ของไทย ทางรัฐบาลพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่เพราะมีนักวิ่งเข้าร่วมจำนวนมากจากปีแรก7,000 คน ปีที่สอง 13,000 คน ปีที่ผ่านมาเพิ่มมากถึง 24,000 คน โดยการจัดงานมีมาตรฐานสูง การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพ ในปีนี้ได้ขยายรับจำนวนนักวิ่งเพิ่มเติมขึ้นเป็น 30,000 คน โดยเฉพาะโควตานักวิ่งชาวต่างชาติ ซึ่งการเดินทางมาของนักวิ่งทั้งไทยและเทศเหล่านี้ พร้อมกับผู้ติดตาม จะทำให้ประเทศได้รับประโยชน์สูงสุด มีรายได้หมุนเวียนในจังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดใกล้เคียงอย่างมหาศาล"
นายธีรวัฒน์ วุฒิคุณ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า "จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมแล้วที่จะต้อนรับนักวิ่งและพร้อมแสดงศักยภาพของจังหวัด ในฐานะ 1 ใน 6 เมืองกีฬาของประเทศไทย ด้วยการเป็นแลนด์มาร์คของเมืองแห่งการท่องเที่ยว เมืองแห่งการจัดอีเวนต์และเมืองกีฬา ตาม "บุรีรัมย์ โมเดล" นักวิ่งทุกท่านสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับการต้อนรับที่ดีเยี่ยม ทั้งการเดินทาง ที่พัก และอาหาร รวมถึงสิ่งต่าง ๆ ซึ่งเราวางแผนและเตรียมการอย่างดีที่สุดสมบูรณ์ที่สุด"
"บุรีรัมย์ มาราธอน ถือเป็นงานที่ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุดในประเทศไทย หรือในโลกเลยก็ว่าได้ปีที่ผ่านมามีนักวิ่งมากถึงสองหมื่นกว่าคนมีชาวบ้านเข้ามาเป็นกองเชียร์หลายหมื่นคน มากกว่าจำนวนนักวิ่งเสียด้วยซ้ำคนบุรีรัมย์ไม่ได้มีส่วนแค่ในการเชียร์ของวันแข่งขันเท่านั้น แต่ยังดูแลนักวิ่งทุกคนเหมือนแขกที่มาเยี่ยมบ้านตั้งแต่วันรับบิบ วันงานเอ็กซ์โป วันวิ่ง และตามส่วนต่างๆ ของเมืองให้กำลังใจตั้งแต่นักวิ่งออกสตาร์ทจนถึงนักวิ่งคนสุดท้ายเข้าเส้นชัย"
ด้าน นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต กล่าวว่า "ผมและทีมงานพยายามที่จะยกระดับไปสู่ระดับโลกให้ได้ มั่นใจว่าในปีนี้ บุรีรัมย์มาราธอน จะก้าวเข้าสู่การเป็น เวิลด์ สแตนดาร์ด โดยเก็บเกี่ยวสิ่งที่เกิดขึ้นใน 3 ปีที่ผ่านมา ปรับให้ดีขึ้น สมบูรณ์ขึ้นกว่าเดิม เพื่อก้าวสู่มาตรฐานโลกบรอนซ์เลเบิลในเดือนตุลาคม โดยการแข่งขันปีนี้แยกออกเป็น 2 วัน คือวันที่ 8 กุมภาพันธ์ แยกฟันรัน ออกมาจัดวิ่งเดี่ยวๆ ในรูปแบบ ไนท์รัน คือวิ่งในตอนหัวค่ำในสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต ส่วนวันที่ 9 กุมภาพันธ์ จะเป็นการวิ่งมินิมาราธอน, ฮาล์ฟมาราธอนและฟูลมาราธอน โดยการแยกเป็น 2 วัน จะทำให้เรารับสมัครนักวิ่งได้มากขึ้น เพราะเราทราบปัญหาดีว่า มีนักวิ่งจำนวนมากอยากลงสมัครวิ่ง มินิมาราธอน, ฮาล์ฟมาราธอน และ ฟูล มาราธอน ซึ่งในปีนี้เราจำกัดจำนวนนักวิ่งไว้ที่ไม่เกิน 30,000 คน เพื่อให้มีการดูแลที่ทั่วถึง และปรับจุดเข้าเส้นชัยใหม่ โดยในปีนี้จะออกสตาร์ทจากสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต สนามแข่งรถระดับโลกสังเวียนเดียวกับโมโตจีพี โดยเปลี่ยนเส้นชัยสัมผัสความยิ่งใหญ่ของสนามฟุตบอลช้างอารีนา"
ทั้งนี้ นายเนวิน กล่าวว่า ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในทุกๆ ปีที่ผ่านมา จะได้รับการปรับปรุงให้มีความสะดวกสบายสำหรับนักวิ่งมากขึ้น โดยรับฟังทุกปัญหาจากนักวิ่ง นับตั้งแต่การรับบิบที่รวดเร็วมากขึ้น แก้ปัญหาความแออัด และความล่าช้าให้หมดไป ส่วนพื้นที่จัดอาหารจะแบ่งโซนให้ชัดเจนของแต่ละประเภทการวิ่งทั้งของมินิ มาราธอนฮาล์ฟมาราธอน และฟูลมาราธอน โดยจะมีการจัดบุรีรัมย์พาวิลเลียน ไม่แจกอาหารกล่อง แต่จะเปลี่ยนเป็นโซนอาหารชนิดต่างๆ เป็นอาหารพื้นบ้าน ของอร่อยจากท้องถิ่นไว้บริการทุกๆ คน ปีนี้จะมีแคมเปญบุรีรัมย์ชวนชิมไว้บริการ
"ส่วนที่ใช้สำหรับรับประทานอาหารนั้นเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยคิดจะทำมาก่อนและไม่เคยยอมให้ใครนำอาหารหรือแม้กระทั่งขวดน้ำมาดื่มบนสเตเดียมแต่ในครั้งนี้เราจะเปิดสนามฟุตบอลให้นักวิ่งได้ขึ้นไปนั่งทานอาหารและชมวิวสนามเพื่อผ่อนคลายหลังวิ่งเสร็จ"
นอกจากนี้จะมีการเพิ่มจุดบริการน้ำดื่มให้มากขึ้นเพื่อให้เพียงพอสำหรับนักวิ่งในทุกๆระยะ โดยจุดต่างๆ ที่สามารถเติมได้และไม่ขัดกับกฎของเวิลด์มาราธอน ก็จะเพิ่มเติมเข้าไปให้เพียงพอมากที่สุด รวมถึงน้ำแข็งก็จะไม่ขาดตกบกพร่อง ทำให้นักวิ่งจะมีน้ำเย็นดื่มดับกระหายในทุกจุด ขณะเดียวกันจะเพิ่มโซนที่เป็นอุโมงค์ม่านน้ำ เพื่อคลายร้อนกรณีที่อุณหภูมิสูงเกินไป หากนักวิ่งต้องการปรับอุณหภูมิร่างกายก็สามารถวิ่งผ่านอุโมงค์ม่านน้ำได้เลยแต่จะเลือกไม่วิ่งผ่านก็ได้"
นายเนวิน กล่าวทิ้งท้ายว่า "ผมหวังจะได้เจอนักวิ่งทุกๆ คน ในวันที่ 8-9 กุมภาพันธ์นี้ เจอกันนะครับ สิ่งต่างๆ ที่ผมได้กล่าวมาทั้งหมดนั้น เรามีเป้าหมายเดียวคือจะทำให้บุรีรัมย์มาราธอนเป็นสวรรค์ของนักวิ่งอย่างแท้จริง"
ในงานแถลงข่าวคณะผู้จัดงานบุรีรัมย์ มาราธอน โดย นายกนกศักดิ์ ปิ่นแสง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บุรีรัมย์ยูไนเต็ดอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จำกัด มอบเงินรายได้จากกิจกรรม บุรีรัมย์ มาราธอน ชาริตี้ ปี 2019 ซึ่งเปิดให้มีการจำหน่าย bib เลขสวย ได้รับความสนใจจากนักวิ่งเข้าร่วมกิจกรมจำนวนมาก รายได้จำนวน 796,000 บาท มอบให้กับโรงพยาบาลบุรีรัมย์และยังได้การมอบเงินสนับสนุนสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ จำนวน 1 ล้านบาท โดยมี พลตำรวจเอก สันต์ ศรุตานนท์ นายกสมาคมฯ เป็นผู้รับมอบ
ทั้งนี้ บุรีรัมย์ มาราธอน มีความโดดเด่นในเรื่องของเส้นทางการวิ่งอย่างมาก ทุกระยะของเส้นทางจะตัดผ่านอารยธรรมทุกช่วงสมัยของจังหวัดบุรีรัมย์ ทั้งในปัจจุบันและเส้นทางแห่งประวัติศาสตร์ รวมถึงขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมต่างๆ สอดคล้องกับนโยบาย "สปอร์ต ทัวริซึม" ของรัฐบาลไทย ที่ต้องการผสานกีฬาเข้ากับการท่องเที่ยวเพื่อสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในแต่ละภูมิภาคของไทย
การจัดงานครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากภาคเอกชนอย่างมากมายนำโดยเครื่องดื่มตราช้าง บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด, บริษัท ฮอนด้าออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด, บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR, บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด, บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด, บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด, บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน), บริษัท ซีพีแรม จำกัด, บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด, บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) เป็นต้น
ทั้งนี้ บุรีรัมย์ มาราธอน 2020 เปิดรับสมัครแล้วอย่างเป็นทางการ โดยประกอบด้วยการแข่งขันทั้งสิ้น 4 ระยะทาง ได้แก่ ระยะมาราธอน42.195 กิโลเมตร โดยจะเป็นปีแรกที่เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการจัดลำดับรุ่นอายุในระยะมาราธอน ที่เรียกว่า AbbottWMM Wanda Age Group Ranking ซึ่งจัดโดย Abbott World Marathon Majors ซึ่งจะทำให้นักวิ่งที่ในระยะมาราธอนมีสิทธิ์ไปวิ่งในรายการ WORLD MARATHON ได้ (ลอนดอนมาราธอน) , ระยะฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กิโลเมตร, ระยะมินิมาราธอน 10 กิโลเมตร และฟันรัน4.554 กิโลเมตร โดยในปีนี้ วันงานเอ็กซ์โปเดย์ จะเปิดให้รับอุปกรณ์การแข่งขัน 2 วัน คือวันที่ 7-8 กุมภาพันธ์ 2563 สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.burirammarathon.com และ www.facebook.com/bru.marathon