กรุงเทพฯ--11 ก.ย.--วิวาลดี้ อินทิเกรเต็ด พับลิค รีเลชั่นส์
- ดีเอชแอล ซัพพลายเชน สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันแก่ลูกค้าผู้ประกอบการในเมืองไทย นำเสนอโซลูชั่นโลจิสติกส์แนวใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
- ดีเอชแอล คือ พันธมิตรด้านโลจิสติกส์ครบวงจรที่น่าเชื่อถือ พร้อมสนับสนุนลูกค้าผู้ประกอบการด้วยการให้บริการมาตรฐานระดับโลก
ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ประเทศไทย ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำระดับโลก ตอกย้ำสถานะผู้นำธุรกิจด้านสัญญารับเหมา (Contract logistics) ในเมืองไทย นำเสนอระบบนิเวศเพื่อธุรกิจอี-คอมเมิร์ซแบบครบวงจรเพื่อมอบมาตรฐานการดำเนินงานชั้นเลิศแก่ลูกค้า เนื่องจากธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีการเติบโตอย่างรวดเร็วก่อให้เกิดความต้องการระบบการดำเนินงานที่ต้องการนวัตกรรมใหม่ๆเพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการที่ต้องการดำเนินธุรกิจอย่างราบรื่นและต่อเนื่อง
งานวิจัยโดยทีมดีเอชแอลโกลบอล ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นของลูกค้าผู้ประกอบการจำนวนมากในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงประเทศไทย ที่คาดหวังจะได้รับโซลูชั่นชั้นเยี่ยมจากพันธมิตรธุรกิจโลจิสติกส์ภายนอก (3PL) โดยระบุปัจจัยสำคัญ 3 ประการที่ประกอบการเลือกผู้ให้บริการทางโลจิสติกส์ นั่นคือ มีการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรมและการวิเคราะห์ข้อมูล ความสามารถในการให้บริการช่วงที่ธุรกิจมีความหนาแน่น และความยืดหยุ่นของเครือข่ายการกระจายสินค้า
มร.เควิน เบอร์เรล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีเอชแอล ซัพพลายเชน กลุ่มธุรกิจประเทศไทย (ประเทศไทย เวียดนาม กัมพูชา และเมียนมาร์) กล่าวว่า "ดีเอชแอล ถือเป็นผู้นำในการนำเสนอโซลูชั่นโลจิสติกส์มาโดยตลอด และในวันนี้เรามีความพร้อมมากที่จะนำเสนอบริการที่ดีที่สุดเพื่อลูกค้าของเราได้รับประโยชน์สูงสุดสำหรับการทำธุรกิจ อี-คอมเมิร์ซ ความหลากหลายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกทำให้เกิดความท้าทายขึ้นมากมาย และความต้องการต่อธุรกิจอี-คอมเมิร์ซของภูมิภาคกำลังเพิ่มสูงขึ้น เราจึงพิจารณาว่าจะสามารถสนับสนุนลูกค้าผู้ประกอบการของเราได้อย่างไรเพื่อให้ธุรกิจของพวกเขาก้าวหน้า โซลูชั่นด้านโลจิสติกส์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเรารวมถึงสิ่งที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่บริการขนส่งสินค้าถึงมือผู้บริโภคแบบครบวงจรของเรา คลังสินค้าสำหรับธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ (e-Fulfillment Center) ที่มีกระบวนการทำงานที่ทันสมัย ทีมงานผู้เชี่ยวชาญ คลังสินค้า โซลูชั่นการขนส่ง และอุปกรณ์และเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับยานพาหนะขนส่ง ในขณะที่ผู้คนและธุรกิจจำนวนมากเริ่มเข้าสู่ยุคดิจิทัล เราจึงต้องมั่นใจว่าเราสนับสนุนลูกค้าของเราด้วยเทคโนโลยีชั้นเยี่ยม เพื่อให้พวกเขาคงความได้เปรียบทางการแข่งขันอยู่เสมอ"
ข้อมูลจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ระบุว่าอุตสาหกรรมอี-คอมเมิร์ซของไทยมีอัตราการเติบโตสูงสุดที่ 14% ในกลุ่มประเทศอาเซียนเมื่อปี ค.ศ. 2018 โดยคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดในธุรกิจอี-คอมเมิร์ซของไทยจะเพิ่มขึ้นไปที่ 103,000 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและนำไปสู่โอกาสการเติบโตราว 20% ในปีนี้ แนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้นนี้เกิดจากความเชื่อมั่นในช่องทางการชำระเงินระบบดิจิทัลและการเพิ่มขึ้นของแพลตฟอร์มธุรกิจอี-คอมเมิร์ซระบบออนไลน์ โดยจะยิ่งทำให้จำนวนผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้น โดยตลอดทศวรรษที่ผ่านมามีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซยังก่อให้เกิดความต้องการด้านการส่งมอบสินค้าและบริการโลจิสติกส์ ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในระบบซัพพลายเชนและการปฏิบัติงานด้านโลจิสติกส์ในประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญ
ดีเอชแอลพัฒนาการดำเนินงานและบริการอย่างต่อเนื่อง ผ่านกระบวนการทำงานที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมทั้งในส่วนคลังสินค้าและการขนส่งเพื่อให้ลูกค้าผู้ประกอบการสามารถใช้งานโซลูชั่นการขนส่งสินค้าระดับโลกได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดีเอชแอลยังสนับสนุนธุรกิจของผู้ประกอบการด้วยคลังสินค้าสำหรับธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ (e-Fulfillment Center) โดยสามารถปรับแต่งพื้นที่และรูปแบบบริการได้อย่างยืดหยุ่นเพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจ โซลูชั่นการขนส่งสินค้า บริการเสริมต่างๆ และการคิดค้นนวัตกรรมด้านโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปฏิบัติงานผ่านการสนับสนุนซัพพลายเชน องค์ความรู้ และประสบการณ์ของดีเอชแอลซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการส่งมอบความสำเร็จในธุรกิจ อี-คอมเมิร์ซของลูกค้า
ดีเอชแอล ซัพพลายเชน (ประเทศไทย) มอบบริการที่ครอบคลุมสำหรับลูกค้าผู้ประกอบการธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ และองค์กรธุรกิจที่ต้องการขยายการดำเนินงานนอกเหนือจากธุรกิจพื้นฐาน และเข้าสู่โลกธุรกิจอี-คอมเมิร์ซอย่างเต็มตัว ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ยังให้บริการสำหรับธุรกิจประเภทอื่น ๆ อาทิ รถยนต์ ค้าปลีก สินค้าอุปโภคบริโภค เทคโนโลยี อุตสาหการ วิทยาศาสตร์ชีวภาพและการดูแลสุขภาพ พลังงาน และเคมีภัณฑ์ สำหรับการดำเนินงานในประเทศไทย ดีเอชแอลมีพนักงาน 12,000 คนในสถานปฏิบัติงานกว่า 70 แห่ง โดยมีคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้ารวมพื้นที่กว่า 650,000 ตารางเมตร และรถขนส่งกว่า 4,000 คัน