กรุงเทพฯ--11 ก.ย.--แฟรนคอม เอเซีย
บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ส์ ยูเอสเอ อิงค์ (HT USA) บริษัทลูกของหัวเว่ยในสหรัฐอเมริกา ได้ดำเนินการถอนฟ้องกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกา และหน่วยงานอื่นๆ ของรัฐอีกหลายหน่วยงานที่บริษัทได้ยื่นฟ้องไปเมื่อเดือนมิถุนายนก่อนหน้า คดีดังกล่าวเป็นการตอบโต้ที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้ยึดอุปกรณ์โทรคมนาคมของหัวเว่ยไปเมื่อเดือนกันยายน 2560 โดยไม่มีเหตุอันควร หัวเว่ยตัดสินใจถอนฟ้องคดีดังกล่าวหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้คืนอุปกรณ์ให้ภายหลังจากยึดอุปกรณ์ไปเป็นเวลานานโดยไม่ชี้แจง ซึ่งหัวเว่ยมองว่าเป็นการยอมรับโดยปริยายว่าการยึดอุปกรณ์ไปนั้นมิชอบด้วยกฎหมายและเป็นการกระทำโดยพลการ คดีนี้ได้รับการกล่าวถึงในฐานะหนึ่งในข้อกังวลมากมายที่บริษัทได้แจกแจงไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ เกี่ยวกับการกระทำที่ไม่เหมาะสมและไม่ยุติธรรมต่อหัวเว่ยโดยรัฐบาลสหรัฐฯ
อุปกรณ์ดังกล่าว ซึ่งรวมถึงเซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ สวิตช์อีเธอร์เน็ต และอุปกรณ์โทรคมนาคมอื่น ๆ ที่ผลิตโดยหัวเว่ยในประเทศจีน ควรได้รับการส่งกลับประเทศจีนภายหลังจากที่ได้ดำเนินการทดสอบเชิงพาณิชย์และการรับรองที่ห้องปฏิบัติการแห่งหนึ่งในรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อเดือนกันยายน 2560 กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ อ้างถึงข้อกังวลด้านการละเมิดระเบียบด้านการส่งออกซึ่งไม่สามารถระบุได้และทำการยึดอุปกรณ์ดังกล่าวในระหว่างการขนส่ง 2 ปีผ่านนับตั้งแต่วันนั้น แม้ว่าจะมีการร้องขอหลายครั้งจากหัวเว่ย รัฐบาลสหรัฐฯ ก็ไม่สามารถตัดสินได้ว่าจำเป็นต้องมีใบอนุญาตส่งออกหรือไม่สำหรับการส่งอุปกรณ์ที่นำมาทดสอบกลับไปยังประเทศจีน และยังคงยึดอุปกรณ์ต่อไปอีก
หัวเว่ยจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการยื่นฟ้องต่อศาลแขวงเขตโคลัมเบียของสหรัฐฯ ในวันที่ 21 มิถุนายน เพื่อเรียกร้องขอความกระจ่างในเรื่องความล้มเหลวของสหรัฐฯ ในการตัดสินใจว่าอุปกรณ์ของหัวเว่ยจำเป็นต้องมีใบอนุญาตส่งออกหรือไม่ บริษัทรอคำตอบมาเป็นเวลานานและไม่ได้รับคำอธิบายใด ๆ การดำเนินการของรัฐบาลสหรัฐฯ ละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายปกครอง รวมถึงกฎหมายอื่น ๆ ด้วย
ในเดือนสิงหาคม รัฐบาลสหรัฐฯ ได้แจ้งแก่ หัวเว่ย เทคโนโลยี่ส์ ยูเอสเอ เป็นลายลักษณ์อักษรว่า จากการสืบสวนที่มีความล่าช้า รัฐบาลได้ตัดสินว่าการจัดส่งอุปกรณ์ของหัวเว่ยไปประเทศจีนไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตส่งออก และหัวเว่ยได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับในการส่งออกระหว่างที่พยายามส่งอุปกรณ์กลับประเทศแล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ จึงได้ส่งอุปกรณ์กลับไปให้หัวเว่ย เทคโนโลยี่ส์ ยูเอสเอ และสหรัฐฯ เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการจัดส่งเอง
ดร. ซ่ง หลิ่วผิง หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของหัวเว่ย กล่าวว่า โดยพฤตินัยแล้ว หัวเว่ยเป็นผู้ได้รับชัยชนะในครั้งนี้ แม้บริษัทจะถอนฟ้องโดยสมัครใจ แต่ก็รู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้รับคำอธิบายใด ๆ จากรัฐบาลสหรัฐฯ เกี่ยวกับการยึดอุปกรณ์ของหัวเว่ยเป็นเวลายาวนานโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
ในคำร้องขอถอนฟ้องต่อศาลแขวงเขตโคลัมเบียของสหรัฐฯ หัวเว่ย เทคโนโลยี่ส์ ยูเอสเอ ระบุไว้ว่าบริษัทต้องการคำอธิบายเป็นลายลักษณ์อักษรจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เพื่อชี้แจงสาเหตุในการยึดอุปกรณ์เมื่อปี 2560 รวมถึงสาเหตุในการเลือกคืนอุปกรณ์ในช่วงเวลานี้ และเหตุใดจึงใช้เวลาถึง 2 ปีในการตระหนักว่าการยึดอุปกรณ์ครั้งดังกล่าวเป็นการกระทำที่มิชอบ จนถึงตอนนี้สหรัฐฯ ยังปฏิเสธที่จะให้คำอธิบาย
"การกระทำโดยมิชอบและโดยพลการของหน่วยงานรัฐในลักษณะนี้ อาทิเช่น การยืดทรัพย์สินโดยไม่มีสาเหตุหรือคำอธิบาย ควรเป็นเครื่องเตือนใจให้แก่บริษัททั้งหลายที่ดำเนินธุรกิจโดยชอบธรรมอยู่ในสหรัฐฯ และยังควรมีบทลงโทษทางกฎหมายด้วย" มร. ซ่ง กล่าว
ในแถลงการณ์ต่อสื่อของหัวเว่ยเมื่อวันที่ 3 กันยายน หัวเว่ยได้อธิบายว่าสหรัฐฯ ใช้ทุกวิถีทางที่มี อันรวมถึงอำนาจในการบริหารและอำนาจศาล เพื่อขัดขวางการดำเนินธุรกิจที่ราบรื่นของหัวเว่ย อันรวมถึงการขัดขวางการดำเนินธุรกิจและการสื่อสารทางเทคนิคที่เคยเป็นปกติเรียบร้อย โดยใช้วิธีข่มขู่ การปฏิเสธวีซ่า และการยับยั้งการจัดส่งผลิตภัณฑ์ มร. ซ่ง กล่าวว่าหัวเว่ยจะมุ่งมั่นปกป้องสิทธิ์และผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของบริษัท โดยอาศัยเส้นทางที่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน