กรุงเทพฯ--11 ก.ย.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทีจีส์
กรุงเทพมหานคร ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีการจราจรติดขัดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ปัจจุบันเมืองหลวงของประเทศไทย มีจำนวนถนนเพียง 9 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับขนาดของเมือง ในขณะที่กรุงโตเกียวมีพื้นที่ให้รถสัญจรมากถึง 25 เปอร์เซ็นต์ และมหานครนิวยอร์กมีมากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ยิ่งไปกว่านั้น โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่เกิดขึ้นพร้อมกัน ซึ่งอาจใช้เวลาถึง 3-5 ปี[1] ก็ยิ่งทำให้ถนนทุกวันนี้เนืองแน่นไปด้วยรถยนต์
ปัจจุบันคนเมืองมากกว่า 65 เปอร์เซ็นต์เลือกใช้รถยนต์ส่วนบุคคลในการเดินทางในชีวิตประจำวัน มีเพียง 35 เปอร์เซ็นต์ที่ใช้บริการขนส่งสาธารณะ[2] นั่นหมายความว่า รถยนต์จำนวนมากบนท้องถนน คือสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหารถติด หากผู้ใช้รถใช้ถนนไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทางของตนเอง กรุงเทพฯ ก็ยังคงต้องเผชิญกับปัญหาเรื้อรังนี้ไปอีกหลายปี ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เวลา และค่าใช้จ่าย หนึ่งวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยบรรเทาปัญหารถติดแสนสาหัสในช่วงนี้ไปได้ คือการลดจำนวนรถบนท้องถนน ด้วยการร่วมโดยสารแบบ "คาร์พูล" ร่วมโดยสารไปด้วยกันในเส้นทางเดียวกัน
แม้ว่าคนไทยอาจยังไม่คุ้นเคยแนวคิดของการร่วมโดยสาร ถ้าไม่ใช่คนรู้จักหรือสนิทกัน หลายคนอาจรู้สึกไม่สะดวกใจร่วมทางไปกับคนอื่น การเลือกรถที่เหมาะสมอาจช่วยทำให้คุณสนุกกับการเดินทางกับกลุ่มเพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงานที่คุ้นเคย หรือแม้แต่กับคนแปลกหน้าได้อย่างสบายใจยิ่งขึ้น
เลือกรถที่ใช่
เมื่อต้องเลือกรถที่รองรับผู้โดยสารได้หลายคน มีหลายปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง ข้อแรก การเลือกรถให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์และตอบโจทย์การใช้งาน นอกเหนือไปจากการขับขี่ในเมืองในชีวิตประจำวัน ถ้าคุณชอบใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางธรรมชาติหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง ก็ควรเลือกรถที่เหมาะกับการขับขี่ระยะไกลเพื่อท่องเที่ยวพักผ่อน
ในการร่วมโดยสารแบบคาร์พูล แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ พื้นที่ในห้องโดยสารและความปลอดภัย คุณควรใช้รถที่มีพื้นที่กว้างเพียงพอที่จะให้เพื่อนๆ และครอบครัวนั่งไปด้วยกันได้แบบสบายๆ และเมื่อความปลอดภัยของพวกเขาอยู่ในมือคุณ รถที่เลือกใช้จึงควรมีระบบความปลอดภัยที่ครบถ้วนทันสมัย รถเอสยูวีจึงเป็นรถที่ตอบโจทย์ครบครัน นอกจากนี้ ถ้าในรถมีระบบความบันเทิงอย่างซิงค์ 3 ที่สามารถจำอุปกรณ์ที่เคยเชื่อมต่อได้ถึง 12 เครื่อง ก็ยิ่งช่วยสร้างสีสันให้ทุกคนในรถสามารถผลัดเปลี่ยนกันแชร์เพลย์ลิสต์ในโทรศัทพ์ต่างเครื่องให้เพื่อนร่วมทางได้สนุกสนานไปด้วยกันตลอดเส้นทาง
สำหรับการเดินทางระยะไกล รถยนต์อเนกประสงค์ขนาดกลาง 7 ที่นั่งอย่าง ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ที่มาพร้อมห้องโดยสารที่หรูหราและสะดวกสบายยิ่งขึ้น สามารถพาคุณและเพื่อนร่วมทางติดรถไปด้วยกันในวันทำงานและยังพร้อมพาคุณไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ด้วยสมรรถนะการขับขี่อันเหนือชั้น ฟอร์ด เอเวอเรสต์ จึงเป็นรถที่มีความคล่องตัวเมื่อขับขี่ในเมือง และยังคงความแข็งแกร่งพร้อมลุยบนทุกเส้นทางออฟโรดสมบุกสมบันในวันหยุดสุดสัปดาห์ นอกจากนี้ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ยังมอบห้องโดยสารที่ปราศจากเสียงรบกวน ด้วยระบบตัดเสียงรบกวนจากภายนอก (Active Noise Cancellation) และเทคโนโลยีช่วยขับขี่อัจฉริยะ ไม่ว่าจะเป็นระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning System) ระบบเบรกแบบ Autonomous Emergency Braking (AEB) พร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนนและยานพาหนะอื่นๆ รอบตัวรถ ก็ยิ่งทำให้เพื่อนร่วมทางสบายใจเมื่อได้ร่วมเดินทางไปกับคุณ
นอกจากรถเอสยูวีจะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และมอบความสะดวกสบายให้ทุกคนในรถ การร่วมเดินทางไปด้วยกันแบบคาร์พูลในรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดกลางที่สามารถพาทุกคนไปยังที่หมายได้อย่างปลอดภัย ก็ยังมีผลพลอยได้อีกมากมายหลายอย่าง
สารพัดข้อดีของคาร์พูล
ข้อดีที่เห็นได้ชัดที่สุดจากการร่วมโดยสารกันไปในเส้นทางเดียวกัน คือการช่วยลดจำนวนรถยนต์บนท้องถนน ส่งผลให้ช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดได้อีกทาง ผลการวิจัยของบอสตัน คอลซัลติ้ง กรุ๊ป พบว่า หากคนกรุงเทพฯ ใช้รถร่วมกันมากขึ้น จะช่วยลดการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนได้มากถึง 92 เปอร์เซ็นต์[3] แม้ดูเป็นเรื่องยาก แต่ก็ไม่เกินกำลังหากทุกคนช่วยกันเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทางและปรับทัศนคติเกี่ยวกับการร่วมโดยสารไปด้วยกัน
นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาด้านการเดินทาง คาร์พูลยังส่งผลดีต่อทั้งชีวิตประจำวันและสิ่งแวดล้อม
1. ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม
เมื่อมีรถบนท้องถนนน้อยลง การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศก็จะลดลงเช่นกัน มลพิษจากการจราจรก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นโรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจ อาการทางประสาท รวมถึงโรคภูมิแพ้ การลดการปล่อยก๊าซดังกล่าวจึงช่วยลดความเสี่ยงต่อสุขภาพอนามัยของตนเองและคนอื่นๆ ในสังคม
2. ประหยัดค่าใช้จ่าย
ยิ่งคุณพาเพื่อนร่วมทางติดรถไปด้วยมากเท่าไร ก็ยิ่งช่วยประหยัดค่าน้ำมันมากขึ้นเท่านั้น จากที่เคยเติมน้ำมันเดือนละหลายพันบาท คุณอาจช่วยกันแชร์น้ำมัน และถ้าคุณและเพื่อนๆ ผลัดกันใช้รถเพื่อคาร์พูล ก็ยังช่วยลดการใช้งานรถ ส่งผลให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรถยนต์ และยังเพิ่มอายุการใช้งานของรถให้ยาวนานขึ้น
3. มีเวลามากขึ้น
วันที่คุณเป็นผู้โดยสาร แทนที่จะต้องจดจ่ออยู่กับการขับรถ คุณก็สามารถทำงาน อ่านหนังสือ หรือแม้แต่งีบเพื่อรีชาร์จได้ระหว่างเดินทาง
ดูเหมือนว่าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าหลายๆ สายในกรุงเทพฯ อาจลากยาวไปอีกหลายปี มาร่วมกันแก้ปัญหาในส่วนที่เราทำได้ ด้วยวิธีง่ายๆ อย่างการร่วมโดยสาร ทางเดียวกัน ไปด้วยกัน เพื่อลดปัญหาเรื้อรังของกรุงเทพฯ กันดีกว่า