กรุงเทพฯ--13 ก.ย.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
'บมจ. พริมา มารีน' หรือ ("PRM") แสดงศักยภาพกองเรือแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง หลังไตรมาส 3/62 กองเรือขนส่งภายในประเทศและเรือ FSU ลำใหม่ เริ่มให้บริการแก่ลูกค้าสร้างรายได้ รับจังหวะความต้องการใช้เรือในกลุ่มเรือขนส่งในประเทศและ FSU เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และรับรู้รายได้จากการเพิ่มสัดส่วนเข้าลงทุนใน Big Sea เป็น 80% หนุนผลงานเติบโตเป็นไปตามที่ได้คาดการณ์ไว้
นายชาญวิทย์ อนัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) ("PRM") ผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และปิโตรเคมีเหลวทางเรืออย่างครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจการให้บริการเรือขนส่งปิโตรเลียมของ PRM ในไตรมาส 3/62 มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น จากการเริ่มให้บริการเรือขนส่งภายในประเทศที่จัดซื้อเพิ่มเติมจำนวน 2 ลำ และทยอยให้บริการครบทุกลำในไตรมาสนี้ ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทฯ มีกลุ่มเรือขนส่งภายในประเทศรวม 32 ลำ พร้อมให้บริการแก่ลูกค้าที่มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นตามความต้องการบริโภคน้ำมันภายในประเทศ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการรับรู้รายได้และกำไรจากผลการดำเนินงานของ Big Sea หลังจากที่ PRM ได้เพิ่มสัดส่วนการเข้าถือหุ้นจากเดิม 70% เป็น 80% อีกด้วย
ส่วนกลุ่มธุรกิจเรือเรือขนส่งและกักเก็บน้ำมันแบบลอยน้ำ หรือ FSU จะรับรู้รายได้จากเรือที่ให้บริการรวมทั้งสิ้น 8 ลำ หลังจากได้เริ่มให้บริการแก่ลูกค้าตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมที่ผ่านมาตามลำดับ เพื่อตอบสนองความต้องการใช้บริการขนส่งและกักเก็บน้ำมันที่เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีอัตราใช้งานเต็ม 100% หลังจากที่กฎเกณฑ์ IMO 2020 ซึ่งกำหนดให้ใช้เชื้อเพลิงกำมะถันต่ำ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 รวมทั้งยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากอัตราค่าใช้บริการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถเก็บเกี่ยวรายได้เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
"ปีนี้ถือเป็นปีที่ดีปีหนึ่งของ PRM ในการสร้างผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและมีอัตราการเติบโตอย่างโดดเด่น ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายขนาดกองเรือและการบริหารจัดการที่สอดคล้องกับทิศทางตลาด ทำให้ PRM สามารถเก็บเกี่ยวรายได้สูงสุดจากการดำเนินงาน ซึ่งจะผลักดันผลการดำเนินงานในปีนี้ให้เติบโตได้ตามแผนที่วางไว้" นายชาญวิทย์ กล่าว