กรุงเทพฯ--16 ก.ย.--ปตท.
สะท้อนศักยภาพการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม ครอบคลุมมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสร้างคุณค่าเพิ่มแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในการวางแผนและตั้งเป้าหมายกลยุทธ์ระยะยาว ปตท. ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน เน้นหลัก 3P คือ การทำธุรกิจควบคู่กับการดูแลชุมชนและสังคม (People) การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (Planet) และเป็นฐานความมั่นคงแก่ภาคเศรษฐกิจและสังคมเติบโตอย่างแข็งแรงและยั่งยืน (Prosperity) ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ก้าวข้ามความท้าทายใต้สภาวการณ์ที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านเทคโนโลยี รูปแบบการใช้พลังงาน วิถีชีวิตของสังคม และความคาดหวังจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตลอดจนเพื่อนำพาองค์กรสู่ความภาคภูมิใจและเป็นสมบัติอันล้ำค่าของประเทศ (Pride and Treasure of Thailand)
"นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ในปีนี้ ปตท. ได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ ประจำปี 2562 (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 ในกลุ่มดัชนีโลก (World Index) และดัชนีตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market Index) นำมาซึ่งความภาคภูมิใจสู่องค์กรและประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับในเวทีระดับโลก สะท้อนให้เห็นถึงถึงการบริหารองค์กรที่สามารถเทียบเคียงกับบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมเดียวกันทั่วโลก" นายชาญศิลป์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทในกลุ่ม ปตท. ประกอบด้วย บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ยังได้ผ่านการประเมินเป็นสมาชิก DJSI ต่อเนื่องครบทุกบริษัท โดย ปตท.สผ. ได้คะแนนสูงสุดเป็น Industry Leader ในกลุ่ม Oil & Gas Upstream & Integrated (OGX) ไทยออยล์ ได้คะแนนสูงสุดเป็น Industry Leader ในกลุ่ม Oil & Gas Refining & Marketing (OGR) และ จีซี ได้คะแนนสูงสุดเป็น Industry Leader ในกลุ่ม Chemicals (CHM) อีกด้วย
ทั้งนี้ DJSI จัดขึ้นด้วยความร่วมมือของ S&P Dow Jones และ SAM เป็นดัชนีการประเมินการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทชั้นนำระดับโลกในแต่ละกลุ่มธุรกิจ รวมถึงความสามารถในการเป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งเป็นเกณฑ์อ้างอิงพิจารณาการลงทุน เพื่อสร้างความมั่นใจว่าบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับเป็นสมาชิกจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีและยั่งยืนให้แก่ผู้ลงทุน นำไปสู่การส่งเสริมเศรษฐกิจและประเทศสู่การเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน