กรุงเทพฯ--16 ก.ย.--กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดการสัมมนาเชื่อมโยงเครือข่ายประธานศูนย์ข้าวชุมชนระดับเขต พร้อมมอบนโยบายแนวทางการทำงาน ณ โรงแรม ดิ ไอเดิล เซอร์วิส เรสซิเดนซ์ จ.ปทุมธานี ว่า ศูนย์ข้าวชุมชนมีบทบาทสำคัญในการเป็นศูนย์กลางถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาการผลิตข้าวและชาวนา และผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ดีไว้ใช้เองอย่างเพียงพอในชุมชน นับเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหาการขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ดี ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับเรื่องข้าวมาโดยตลอด ชาวนาจึงเปรียบเสมือนผู้สร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประเทศ อีกทั้ง กระทรวงเกษตรฯ ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาและเพิ่มเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพ ซึ่งจะสามารถช่วยให้การเพาะปลูกได้ผลผลิตดียิ่งขึ้น ดังนั้นจึงต้องสร้างระบบการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวของประเทศให้มีความเข้มแข็ง มั่นคง โดยศูนย์ข้าวชุมชนคือส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายดังกล่าวให้ประสบความสำเร็จ จึงต้องร่วมมือกันในการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี ให้เพียงพอกับความต้องการใช้ในแต่ละปี โดยกระทรวงเกษตรฯ พร้อมจะสนับสนุนเครื่องมือต่างๆ อาทิ เครื่องคัดแยกเมล็ด เครื่องอบลดความชื้นข้าวเปลือก รวมไปถึงการสร้างแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการทำนาให้กับศูนย์ข้าวชุมชนแต่ละพื้นที่ เป็นการช่วยลดความเสี่ยงจากภัยแล้งได้ รวมทั้งยังเป็นแหล่งน้ำอุปโภค บริโภคในหมู่บ้านได้อีกด้วย
นายประภัตร กล่าวต่อว่า ความต้องการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวของไทยมีปริมาณสูง ประมาณ 1.4 ล้านตันต่อปี เพื่อใช้เพาะปลูกในพื้นที่นาประมาณ 60 ล้านไร่ อย่างไรก็ตามเมล็ดพันธุ์ข้าวสามารถใช้ปลูกต่อเนื่องได้ประมาณ 3 ครั้ง จากนั้นต้องเปลี่ยนชุดใหม่จึงมีความต้องการเป็นจำนวนมากเกินศักยภาพของส่วนราชการที่จะผลิตได้ ดังนั้น กระทรวงเกษตรฯ จึงได้สนับสนุนและส่งเสริมให้ชาวนาในแต่ละท้องถิ่นรวมตัวกันตั้งเป็นศูนย์ข้าวชุมชนทำหน้าที่ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีบริการประชาชน รวมทั้งเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาข้าวและชาวนาในท้องถิ่นนั้นๆ โดยให้การสนับสนุนทางด้านวิชาการ และปัจจัยการผลิตที่จำเป็นแก่ศูนย์ฯ เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2543 โดยกรมส่งเสริมการเกษตร และต่อมาปี 2549 กรมการข้าวได้ดำเนินการต่อ ปัจจุบันมีการขึ้นทะเบียนศูนย์ข้าวชุมชนแล้วทั้งสิ้น 2,028 ศูนย์ กระจายอยู่ในแหล่งผลิตข้าวที่สำคัญทั่วประเทศ มีสมาชิกรวม 61,680 ราย สามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีบริการชาวนาได้ปีละประมาณ 100,000 ตัน
"เมล็ดพันธุ์เปรียบเสมือนต้นน้ำ ดังนั้นจึงต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพก่อนถึงมือเกษตกรเพื่อนำไปเพาะปลูก พร้อมกันนี้ได้ตั้งเป้าหมายการผลิตเมล็ดพันธุ์คุณภาพให้เพิ่มขึ้นจากเดิม 85,000 ตันต่อปี เป็น 200,0000 ตันต่อปี ภายในปี 2563 โดยจะสนับสนุนเครื่องมือที่จำเป็น นอกจากนี้ต้องหาตลาดที่มีคุณภาพ สามารถติดต่อซื้อขายกับผู้ซื้อได้โดยตรง โดยการทำระบบซื้อขายออนไลน์ มีระบบตรวจสอบย้อนกลับเพื่อทราบแหล่งที่มา พร้อมกับติดโลโก้เครื่องหมาย Q บนสินค้าเพื่อเป็นการยกระดับเมล็ดพันธุ์ข้าวให้ได้มาตรฐานสินค้าเกษตรปลอดภัยผ่านการรับรองจากกระทรวงเกษตรฯ สร้างความน่าเชื่อถือ และสร้างมูลค่าให้กับสินค้าได้" นายประภัตร กล่าว
นายประสงค์ ประไพตระกูล อธิบดีกรมการข้าว กล่าวเพิ่มเติมว่า ศูนย์ข้าวชุมชนนับเป็นองค์กรชาวนาที่มีความเข้มแข็ง มั่นคงและมีความก้าวหน้ามาอย่างต่อเนื่อง มีการบริหารจัดการองค์กรอย่างเป็นระบบ โดยมีคณะกรรมการบริหารงานในทุกระดับ คือ ระดับจังหวัด เขต และประเทศ ซึ่งการสัมมนาในครั้งนี้ กรมการข้าวได้เชิญประธานศูนย์ข้าวชุมชนรวมทั้งสิ้น 8 เขต และเจ้าหน้าที่รวม 282 คน เข้าร่วมสัมมนาเพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายในการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-18 ก.ย. 62 ณ โรงแรมดิไอเดิล เซอร์วิส เรสซิเดนซ์ จ.ปทุมธานี โดยคาดหวังว่าการสัมมนาในครั้งนี้ศูนย์ข้าวชุมชนจะมีแผนและเป้าหมายที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมและมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมโครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ รวมทั้งมีการเชื่อมโยงเครือข่ายในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป นอกจากนี้ ภายในงานประกอบด้วย การอภิปรายเรื่อง แนวทางการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีของศูนย์ข้าวชุมชนและการเตรียมความพร้อมสู่นาแปลงใหญ่ การบรรยายพิเศษโดยมีหัวข้อที่น่าสนใจ อาทิ เทคโนโลยีการเกษตรและระบบสารสนเทศทางการเกษตร แนวทางการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีของศูนย์ข้าวชุมชน และการสนับสนุนแหลล่งเงินทุนและปัจจัยการผลิต เป็นต้น