กรุงเทพฯ--19 ก.ย.--สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ก.ล.ต. เปิดเวทีรับฟังปัญหาของผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าระหว่างผู้บริหารระดับสูง พร้อมร่วมรับมือขับเคลื่อนให้ธุรกิจพัฒนาได้ หลังจากร่วมหารือกับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2562 ว่า ก.ล.ต. ได้ประชุมร่วมกับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยพร้อมผู้บริหารระดับสูงของบริษัทหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทุกแห่ง เพื่อรับฟังความคิดเห็น ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานของผู้ประกอบธุรกิจที่ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในยุคปัจจุบัน เพื่อประกอบการพิจารณากำหนดนโยบายในการพัฒนาธุรกิจและปรับปรุงหลักเกณฑ์ในการกำกับดูแลของ ก.ล.ต.
การเปิดรับฟังภาคธุรกิจในครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากการประชุมรับฟังภาคธุรกิจที่ได้จัดขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 ซึ่งมีการหารือถึงโอกาสและความท้าทายในการดำเนินธุรกิจเพื่อความอยู่รอดในอนาคต ภายหลังจากที่นางสาวรื่นวดีรับตำแหน่งเป็นเลขาธิการ ก.ล.ต. เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยการประชุมในครั้งนี้มีข้อสรุปสำคัญร่วมกันว่า ก.ล.ต. จะยกเครื่องปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแลที่เป็นอุปสรรคหรือไม่จำเป็น (regulatory guillotine) โดยคำนึงถึงความแตกต่างของรูปแบบธุรกิจ (business model) และส่งเสริมให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถปรับตัวและขยายธุรกิจได้ ทั้งนี้ ก.ล.ต. จะให้ความสำคัญกับการเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นของภาคธุรกิจต่อการปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าว เพื่อให้มีความเหมาะสมและนำไปใช้ปฏิบัติได้จริง
นอกจากนั้น ก.ล.ต. จะประสานความร่วมมือกับผู้ประกอบธุรกิจในการขยายฐานผู้ลงทุนเพื่อให้เข้ามาลงทุนในตลาดทุนมากขึ้น และส่งเสริมให้เกิดการออมในระยะยาว รวมถึงมุ่งพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า เพื่อส่งเสริมภาคการเกษตรของประเทศให้สามารถเติบโตและมีประสิทธิภาพ "ก.ล.ต. มีนโยบายในการรับฟังความคิดเห็น ปัญหาอุปสรรค และข้อจำกัด ของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนในตลาดทุน ซึ่งรวมถึงผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อให้รู้และเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาดทุนอย่างแท้จริง เพื่อที่จะสามารถพัฒนาธุรกิจและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้สามารถปรับตัว และเจริญเติบโตต่อไปได้" นางสาวรื่นวดี กล่าว