กรุงเทพฯ--22 ก.พ.--ควอลิตี้ เฮ้าส์
ควอลิตี้ เฮ้าส์ แจงผลการดำเนินงานปี’50 กวาดรายได้กว่าหมื่นล้าน พร้อมสานต่อความสำเร็จ ปีนี้ลุยผุดโครงการใหม่อีก 11 โครงการ มูลค่ากว่า 1.6 หมื่นล้านบาท พร้อมตั้งเป้ารายได้ 1.2 หมื่นล้านบาท เติบโต 20%
นายรัตน์ พานิชพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2550 บริษัทฯมีผลการดำเนินงานในธุรกิจขายอสังหาริมทรัพย์ดีขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯ มีนโยบายในการสร้างโครงการบ้านที่มีคุณภาพและตั้งอยู่ในทำเลที่ดี จึงเป็นที่ต้องการของลูกค้า อีกทั้งบริษัทในเครือมียอดขายบ้านระดับกลาง จากโครงการคาซ่าวิลล์และโครงการคาซ่าซิตี้ ที่เพิ่มมากขึ้นจากปีก่อน จึงทำให้สามารถทำกำไรขั้นต้นจากบ้านระดับกลางได้สูงขึ้น
โดยผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2550 บริษัทฯ มีรายได้ทั้งสิ้น 10,580.5 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดิน 9,057.9 ล้านบาท เติบโต 18.5 % จากปี 2549 ที่มีรายได้ 7,640.9 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจให้เช่าพื้นที่อาคารสำนักงานและอาคารชุดพักอาศัยและค่าบริการ 1,188.4 ล้านบาท และรายได้จากส่วนอื่นๆอีก 334.2 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 1,066.3 ล้านบาท เติบโต 6 % จากปี 2549 ที่มีกำไรสุทธิ 1,006.1 ล้านบาท
สำหรับรายได้ในปี 2551 บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ 1.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 20 % แบ่งเป็นรายได้จากการขายบ้านเดี่ยว 10,500 ล้านบาท และรายได้จากการให้เช่าอาคารสำนักงานและเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ 1,500 ล้านบาท
ด้านแผนการดำเนินงานของปีนี้ บริษัทฯมีแผนที่จะพัฒนาโครงการในรูปแบบบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม โดยบริษัทฯจะเปิดตัวโครงการใหม่อีก 11 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมประมาณกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับพรีเมียม ภายใต้แบรนด์“ลัดดารมย์” จำนวน 4 โครงการ ประกอบด้วย “ลัดดารมย์ Elegance เกษตร-นวมินทร์” “ลัดดารมย์ Elegance ราชพฤกษ์-พระราม 5” “ลัดดารมย์ ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์ 2” และ “ลัดดารมย์ ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ”
โครงการบ้านเดี่ยวระดับกลาง ภายใต้แบรนด์“คาซ่าวิลล์” จำนวน 5 โครงการ คือ “คาซ่าวิลล์ ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์ 2” “คาซ่าวิลล์ ราชพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ” “คาซ่าวิลล์ วัชรพล 3” “คาซ่าวิลล์ บางนา-สุวรรณภูมิ” และ “คาซ่าวิลล์ พระราม 2 -2” และโครงการทาวน์โฮมหรู ภายใต้แบรนด์“คาซ่า ซิตี้” จำนวน 2 โครงการ คือ “คาซ่า ซิตี้ เอกมัย-รามอินทรา สุคนธสวัสดิ์ 2” และ “คาซ่า ซิตี้ เอกมัย-รามอินทรา นวลจันทร์ 2”
ทั้งนี้บริษัทฯยังมีแผนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 2 โครงการ บนทำเลใจกลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้า BTS คือ“Q. House Condo Sathorn” มูลค่าประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท มีระดับราคาขายประมาณ 80,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งได้เริ่มก่อสร้างไปแล้ว และคาดว่าจะสร้างเสร็จต้นปี 2552 และ “Casa Condo Ratchada-Thapra” มูลค่าโครงการประมาณ 500 ล้านบาท โดยมีระดับราคาขายประมาณ 50,000 บาทต่อตารางเมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นเรื่องขออนุมัติการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จต้นปี 2552
นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีแผนที่จะเปลี่ยนโครงการ Centre Point Langsuan จากโครงการรูปแบบ Serviced Apartment ให้เป็นคอนโดมิเนียมขนาด 38 ชั้น จำนวน 209 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าโครงการรวม 3,000 ล้านบาท โดยมีพื้นที่ขาย 17,000 ตารางเมตร มีระดับราคาขาย 180,000 บาทต่อตารางเมตรโดยขณะนี้ตึกดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในกลางปี 2552 และจะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2552 อย่างไรก็ดี บริษัทฯยังได้เตรียมงบประมาณในการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต ไว้ประมาณ 3,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ในส่วนของหุ้นกู้ บริษัทฯมีแผนจะออกหุ้นกู้ในเดือนมีนาคมนี้ จำนวน 2,000 ล้านบาท อายุ 3 ปี และ 4 ปี คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ 4-4.5 พร้อมทั้งเตรียมขออนุมัติหุ้นกู้เพิ่มอีก 5,000 ล้านบาท ในการประชุมผู้ถือหุ้นในเดือนเมษายนนี้ เพื่อนำเงินที่ได้มาชำระคืนหุ้นกู้เก่าที่ครบกำหนดไถ่ถอน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการพัฒนาโครงการใหม่ในปี 2551