กรุงเทพฯ--23 ก.ย.--เวิรฟ พับบลิค รีเลชั่นส์ คอนซัลแตนท์ซี
การเผยความงดงามที่แฝงอยู่ในสิ่งต่างๆ ทุกรูปแบบ ภายใต้แนวคิดหลักที่คงอยู่กับคาร์เทียร์โดยเสมอมา เป็นหลักในการสร้างสรรค์ชิ้นงานและเป็นแนวคิดที่ทำให้นาฬิกาซานโตส-ดูมงต์และนาฬิกาเบจนัวร์ ได้ถือกำเนิดขึ้น ทั้งนาฬิการุ่นซานโตส-ดูมงต์ (Santos-Dumont) และ นาฬิการุ่นเบจนัวร์ (Baignoire) รูปโฉมใหม่ของเรือนเวลาสุดคลาสสิกที่บ่งบอกความเป็นสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีในแบบฉบับของคาร์เทียร์ได้อย่างเด่นชัด เป็นนาฬิกาอันเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ของเมซงคาร์เทียร์
ความเรียบง่ายและสง่างามของนาฬิกา ซานโตส-ดูมงต์ (Santos-Dumont)
นำความเป็นเลิศของนาฬิการุ่นประวัติศาสตร์และจิตวิญญาณแห่งความกล้าหาญของนักบิน อัลแบร์โต้ ซานโตส-ดูมงต์ (Alberto Santos-Dumont) ที่เต็มเปี่ยมในทุกอณูของซานโตส เดอ คาร์เทียร์ (Santos de Cartier) นาฬิกา ซานโตส-ดูมงต์ (Santos-Dumont) รุ่นใหม่ในตัวเรือนเรียบง่าย พร้อมสายนาฬิกาซึ่งทำจากหนังจระเข้ แต่ยังคงความงามสง่าของรุ่นแรกเริ่มเมื่อปี ค.ศ. 1904 ไว้ได้อย่างแท้จริง ตัวเรือนมีให้เลือกทั้งทองล้วน ทองผสมสตีล และสตีล โดยหน้าปัดใช้ตัวเลขแบบโรมัน สกรู และเม็ดมะยมที่ประดับด้วยลูกปัดและพลอยคาโบชงสีน้ำเงิน องค์ประกอบทั้งหมดตอกย้ำถึงเสน่ห์อันเป็นนิรันดร์ของนาฬิกาซานโตสรุ่นคลาสสิคที่ถือเป็นมรดกสำคัญแห่งศาสตร์และศิลป์ในการสร้างสรรค์เรือนเวลา
นาฬิกา ซานโตส-ดูมงต์ มีโครงสร้างตัวเรือนที่เพรียวบาง เรียบง่ายและร่วมสมัย เป็นภาพสะท้อนอันร่วมสมัยถึงสไตล์ของ อัลแบร์โต้ ซานโตส-ดูมงต์ (Alberto Santos-Dumont) ผู้ที่พิถีพิถันในการแต่งกายอย่างไร้ที่ติในทุกวาระโอกาส ขณะออกบิน อัลแบร์โต้ ซานโตส-ดูมงต์ จะสวมแว่นตานิรภัยและเสื้อแจ็คเก็ตที่สั่งตัดเป็นพิเศษ ซึ่งสามารถเกี่ยวเข้ากับสายเคเบิ้ลที่เชื่อมติดกับหางเครื่องบิน ดังนั้นการคำนึงถึงความเหมาะสมในการใช้งานจริงจึงมีนัยยะสำคัญต่อนาฬิกาซานโตสมาโดยตลอด สำหรับนาฬิกาซานโตส-ดูมงต์ นี้ คาร์เทียร์ได้พัฒนาความง่ายในการใช้งานให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น โดยนำกลไกการเคลื่อนไหวระบบควอตซ์ประสิทธิภาพสูงที่ทำงานโดยอัตโนมัติได้ต่อเนื่องประมาณ 6 ปี ซึ่งยาวนานกว่ากลไกการเคลื่อนไหวของกลไกควอตซ์ทั่วไปถึง 2 เท่า
รูปทรงอันเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวของนาฬิกาเบจนัวร์ (Baignoire)
เรื่องราวของนาฬิกาเบจนัวร์ (Baignoire) เริ่มต้นจากก้าวแรกของการริเริ่มของพลังสร้างสรรค์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในการออกแบบสร้างสรรค์นาฬิกาที่ซ่อนแฝงอยู่ในรูปทรงอันแสนธรรมดา ในปี 1912 เมื่อ หลุยส์ คาร์เทียร์ นำเอารูปทรงกลมของนาฬิกาแบบเดิมๆ มายืดออก การค้นคว้าหาสไตล์ของเขาถึงจุดลงตัวเป็นเส้นตรงขนานกันสองเส้น ปิดปลายทั้งสองด้านด้วยเส้นโค้งสองเส้น กลายเป็นรูปทรงของอ่างอาบน้ำ (ตามความหมายของคำว่า "เบจนัวร์" ในภาษาฝรั่งเศส) อันเป็นที่มาของชื่อนาฬิกาเรือนนี้ นาฬิกาเบจนัวร์คือเรือนเวลาที่สุภาพสตรีอันเปี่ยมด้วยรสนิยมเลือกใช้ ด้วยสไตล์อันโดดเด่น เต็มไปด้วยอัตลักษณ์ สุภาพสตรีเลือกนาฬิกาเบจนัวร์เพราะความเก๋ไก๋ในสไตล์ฝรั่งเศสที่อยู่เหนือกาลเวลา
การสร้างสรรค์นาฬิกาเบจนัวร์รุ่นล่าสุดนี้ ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ที่สำคัญ อันได้แก่ ความงดงามอย่างลงตัวของเส้นสายและดีไซน์อันเรียบง่ายแต่ทว่ามีมิติ นับเป็นการให้เกียรติต่อนาฬิกาเบจนัวร์รุ่นปี 1958 ดีไซน์โดยรวมยังคงไว้ดังเดิม หากแต่ปรับเปลี่ยนให้สายนาฬิกาเพรียวบางลง ตัวเลขโรมันบนหน้าปัดได้รับการออกแบบให้โดดเด่นอยู่บนหน้าปัดสีทราย ฝาหลังผสานเข้ากับตัวเรือนอย่างไร้ที่ติและสามารถกันน้ำได้ลึกถึง 30 เมตร นาฬิกาเบจนัวร์สานต่อมรดกทางสุนทรียภาพโดยการอวดรูปโฉมที่แพรวพราวกว่าที่เคย ด้วยกราฟิกและวงกลมรีสีเหลืองทองเย้ายวนใจซึ่งประดับอยู่บนข้อมือ
นาฬิกาเบจนัวร์ อัลลองเจ (Baignoire Allongee) นาฬิกาเบจนัวร์แบบโอเวอร์ไซส์ผสานความทันสมัยเกินพิกัดไว้กับความเรียบง่ายถึงขีดสุด เรือนเวลาอันแสนสมบูรณ์แบบรุ่นนี้บ่งบอกสไตล์และบุคลิกเฉพาะตัวที่มีอยู่อย่างเปี่ยมล้นในยามที่มันโอบกระชับเข้ากับข้อมือ นาฬิกาเบจนัวร์ อัลลองเจเป็นดั่งความหลงใหลในสไตล์ที่นำมาซึ่งความปรารถนาใหม่ๆ เช่นเดียวกับความใฝ่ฝันที่จะมอบสัมผัสและโค้งนูนที่ดูสง่างาม การออกแบบอย่างโดดเด่นในแบบฉบับของตนเองที่ได้สร้างสรรค์ขอบนาฬิกาที่เลิศหรูหราอลังการ และหมุดสตั๊ดทองที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรูปทรงของคอลเลคชั่น Clou de Paris
ยลโฉมและจับจองนาฬิกาซานโตส เดอ คาร์เทียร์ (Santos de Cartier) และนาฬิกาเบจนัวร์ (Baignoire) อันเป็นตำนานของคาร์เทียร์ที่มาพร้อมนวัตกรรมใหม่ๆ ที่พร้อมให้ผู้สวมใส่เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณและเอกลักษณ์ในแบบฉบับของตนเองได้ที่คาร์เทียร์บูติค สยามพารากอน ดิเอ็มโพเรียม และไอคอนสยาม