กรุงเทพฯ--22 ก.พ.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
พบกับสารคดีชุดยิ่งใหญ่จาก บีบีซี เปิดเผยทุกแง่มุมของโลกใบนี้ตั้งแต่โลกยุคโบราณ ที่หลายอย่าง ไม่หลงเหลือให้เห็นในปัจจุบัน เจาะลึกในหลากดินแดน ตั้งแต่มหาสมุทร แผ่นดิน ขุนเขา ไปจนถึง ภูเขาไฟ ความลับของธรรมชาติที่ทำให้เกิดสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และภัยธรรมชาติ ชีวิตในอดีตตั้งแต่ยุคที่ไดโนเสาครองโลก และทะเลทรายยังเต็มไปด้วยน้ำ
วันจันทร์ที่ 25 ก.พ. 51 บรรยากาศ พลังธรรมชาติอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีอำนาจมหาศาลต่อโลกใบนี้ และจำเป็นต่อทุกชีวิตบนโลก และทำให้โลกเป็นอย่างในปัจจุบัน พบความสำคัญของบรรยากาศที่ห่อหุ้มโลกไว้แต่ละชั้น ซึ่งมีทั้งหมด 4 ชั้น บรรยากาศชั้นล่างสุด ชั้นโทรโปสเฟียร์ ที่อยู่สูงจากพื้นดิน 12 กิโลเมตร สามารถสังเกตเห็นด้วย ตาเปล่า ก็คือหมอกหนาของอากาศ ที่อัดแน่นไปด้วยออกซิเจน ชั้นที่ 2 สตราโตสเฟียร์ แหล่งของชั้นโอโซน ที่ช่วยลดปริมาณรังสีจากดวงอาทิตย์ที่อันตรายก่อนลงไปถึงพื้นผิวโลก ชั้นที่ 3 มีโซสเฟียร์ ที่ถัดจากสตราโตสเฟียร์ ไปอีก 50 กิโลเมตร คือชั้นที่ปกป้องอุกกาบาตที่จะเข้าพุ่งชนโลก ชั้นสุดท้าย เทอร์โมสเฟียร์ ชั้นบนสุดที่เป็นจุดเริ่มต้นของอวกาศ มีอุณหภูมิพุ่งสูงเกินกว่า 1,000 องศา และมีบรรยากาศเบาบางมาก มันทำหน้าที่เสมือนสนามแม่เหล็กโลกที่สกัดลมรังสีอันตรายจากดวงอาทิตย์ และเบี่ยงทิศให้มันพุ่งไปทางขั้วโลก ก่อให้เกิดแสงเหนือ
วันอังคารที่ 26 ก.พ. 51 พบการหาคำตอบว่า ทำไมบรรยากาศจึงสามารถก่อร่างสร้างพื้นผิวโลก ใน ชั้นบรรยากาศมีความแปรปรวนเปรียบเหมือนกับมหาสมุทรที่ผจญคลื่นอยู่ตลอดเวลา กลุ่มเมฆที่รวมตัวกัน อย่างหนาแน่น ก่อให้เกิดพายุหมุน เฮอริเคน และทอร์นาโด ที่มีความเร็ว 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บรรยากาศเหมือนของเหลวที่มีสายลมเป็นคลื่น คอยทำงานอย่างสม่ำเสมอ และปั้นแต่งแผ่นดินอยู่ตลอดเวลา สายลมปรับเปลี่ยนพื้นผิวโลกสามารถกัดกร่อนสันเขาขนาดใหญ่ได้ หรือเรียกว่า ยาร์แดงส์ สายลมยังช่วยกำเนิดสิ่งมีชีวิตมากมาย อีกนับไม่ถ้วน เมื่อลมในทะเลทรายซาฮาร่า พัดแร่ธาตุปริมาณมหาศาลให้ปลิวขึ้นสูงในอากาศ และพาลอยข้ามมหาสมุทร ซึ่งแร่ธาตุส่วนมากจะตกลงสู่ผืนน้ำ ทำให้มหาสมุทรอุดมไปด้วยสารอาหาร แร่ธาตุบางส่วนถูกสายลม พัดพาไปยังป่าฝนของอเมซอน น้ำฝนชะล้างมันออกจากชั้นบรรยากาศ โปรยปรายสู่ผืนป่าเบื้องล่าง เป็นแหล่งสารอาหารที่ช่วยให้ป่าฝนมีความสมบูรณ์
วันพุธที่ 27 ก.พ. 51 พบพลังพายุที่รุนแรงที่สุดในโลกที่อาร์เจนติน่า ฝ่าใจกลางพายุร้ายกาจไปพร้อมกับ จิม เอ็ดส์ นักล่าพายุ เพื่อเผชิญพลังอำนาจของพายุ ความปั่นป่วนสุดขีดที่อากาศอุ่น และเย็นเข้าปะทะกัน ก่อให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง และฟ้าผ่า ปฏิกิริยาที่เกิดจากการเคลื่อนที่อย่างรุนแรงของอากาศภายในเมฆพายุ อากาศอุ่นชื้นลอยตัวขึ้น เมื่อมันสูงขึ้น อุณหภูมิจะลดลงจนกลายเป็นน้ำแข็ง และเมื่อพายุแปรปรวน น้ำแข็ง 2 ประเภท ที่ต่างกันลอยชนกัน สร้างประจุไฟฟ้าขึ้น จนเป็นสนามไฟฟ้าระดับเข้มข้นพุ่งลงมายังพื้นโลกเบื้องล่าง พบรูปแบบของฟ้าผ่าที่แปลกประหลาด เรียกว่า สไปรท์ ที่เป็นสายฟ้าประเภทไม่ผ่าลงพื้น แต่กลับพุ่งขึ้นด้านบนแทน และอาจสูงได้ถึง 75 กิโลเมตร เข้าไปถึงชั้นสตราโตสเฟียร์
วันพฤหัสบดีที่ 28 ก.พ. 51 พบมหัศจรรย์ของสิ่งมีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงบรรยากาศ และกำเนิดสิ่งมีชีวิตมากมาย ย้อนอดีตกว่า 3,000 ล้านปี เมื่อโลกเป็นอาณาจักรของภูเขาไฟที่ปะทุ และพ่นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กระจายอยู่ ทั่วบรรยากาศ แต่สิ่งมีชีวิตที่ไม่ธรรมดา สโตรมาโทไลท์ (Stromatolite) ได้สร้างประโยชน์ใหญ่หลวงให้กับโลกใบนี้ มันปกคลุมทั่วมหาสมุทรน้ำตื้น และปล่อยออกซิเจนออกมาจากปฏิกิริยาสังเคราะห์แสง ซึ่งเป็นเกราะป้องกันที่จำเป็นให้แก่โลก และออกซิเจนที่ลอยอยู่ในมหาสมุทร เมื่อผสมกับเหล็กกลายเป็นสนิมที่เกาะอยู่ทั่วพื้นมหาสมุทรรอบโลก แนวสินแร่เหล็กที่ทับถมหลายชั้นเป็นแผ่นหินหนา ที่มนุษย์เราเก็บเกี่ยวประโยชน์จากเหล็กมาทำเป็นรถยนต์ รถไฟ เรือ บ้าน มีด ช้อน ส้อม
วันศุกร์ที่ 29 ก.พ. 51 พบวิกฤติภาวะโลกร้อนที่โลกต้องเผชิญ เมื่อดินแดนที่มีความเสี่ยงที่สุดในไซบีเรีย ซ่อนภัยร้ายที่เป็นหายนะทางภูมิอากาศภายใต้ดินเยือกแข็ง ท่ามกลางอุณหภูมิติดลบ 40 องศา ผืนน้ำแข็งที่อัดแน่น ไปด้วยคาร์บอนอินทรีย์เอาไว้เป็นปริมาณมาก จะผลิตมีเธนที่เป็นผลิตผลจากการย่อยอาหารของมัน เมื่อก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ที่เกิดจากการเผาไหม้เครื่องยนต์ มีปริมาณมากเกินไป ทำให้โลกร้อนขึ้น และน้ำแข็งขั้วโลกละลาย ก๊าซมีเธนที่เป็นฟองอากาศในน้ำแข็งจะลอยขึ้นมา จนเกิดเป็นไอก๊าซกลุ่มใหญ่ที่ระเบิดขึ้นได้ ถ้าดินเยือกแข็ง ทั้งหมดนี้ละลาย มันจะปล่อยก๊าซมีเธนที่เพิ่มอุณหภูมิในบรรยากาศได้ถึง 10 เท่า
ติดตามชม “มหาปฐพี” ในรายการแดนสนธยา
วันที่ 25 - 29 กุมภาพันธ์ 2551 ตั้งแต่เวลา 18.00 — 18.30 น.ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด
โทร. 0-2434-8300 / 0-2434-8547 คุณสุจินดา, คุณแสงนภา และคุณวิภาวัลย์