กรุงเทพฯ--24 ก.ย.--โครงการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจระดับเติบโต
สสว. ร่วมกับ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) และ ISMED เดินหน้าหนุนผู้ประกอบการไทยให้โดดเด่นบนเวทีโลก จัดกิจกรรมแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจ ในงาน "THAI EXPO : SME ONE FEST in Bahrain 2019" นำผู้ประกอบการไทยบินไปโชว์ศักยภาพ นับเป็นการจัดงานแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจของไทยที่ใหญ่ที่สุดในราชอาณาจักรบาห์เรน ที่มีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงานมากถึง 67 ราย และจากบาห์เรนกว่า 50 ราย พร้อมจัดการแสดงสร้างสีสันและส่งเสริมเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ ศิลปวัฒนธรรมไทย โดยได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ เจ้าชายเคาะลีฟะฮ์ บิน ซัลมาน อัลเคาะลีฟะฮ์ นายกรัฐมนตรี แห่งราชอาณาจักรบาห์เรน ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานร่วมกับนายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ณ โรงแรมกัลฟ์ บาห์เรน คอนเวนชั่น กรุงมานามา ราชอาณาจักรบาห์เรน ระหว่างวันที่ 10-14 ก.ย. 2562
นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า "สสว. ร่วมกับ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) และสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม มีกำหนดจัดกิจกรรมแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจ ณ ราชอาณาจักรบาห์เรน ในงาน "THAI EXPO : SME ONE FEST in Bahrain 2019" ณ โรงแรมกัลฟ์ บาห์เรน คอนเวนชั่น กรุงมานามา ราชอาณาจักรบาห์เรน ระหว่างวันที่ 10 - 14 กันยายนนี้ ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจระดับเติบโต (SME Regular Level) ปี 2562 โดยการจัดงานแสดงสินค้า และการเจรจาธุรกิจดังกล่าว ถือเป็นการบูรณาการความร่วมมือ ทั้งในระดับ G2G, B2B และ B2C นอกจากการเรียนเชิญนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรบาห์เรนเป็นประธานในพิธีเปิดงาน เชิญทูตานุทูต และผู้มีเกียรติจากกลุ่มประเทศสมาชิกความร่วมมืออ่าวอาหรับ (Gulf Cooperation Council : GCC) เข้าร่วมเป็นเกียรติในงานแล้ว สสว. ยังได้เชิญผู้ประกอบการด้านสปาในโรงแรมและด้านท่องเที่ยว อาหาร เสื้อผ้า รวมถึงนักธุรกิจจาก ซูเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้าชั้นนำในประเทศบาห์เรนและประเทศใกล้เคียงเข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 50 บริษัท ซึ่งถือเป็นการจัดงานแสดงสินค้า และเจรจาธุรกิจครั้งแรกในราชอาณาจักรบาห์เรนที่มีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงานมากที่สุด"
นายสุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า ภายในงานจะมีการจัดโซนแสดงสินค้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สปาและบริการ spa service แฟชั่น สิ่งทอ เครื่องสำอาง ของใช้ตกแต่งบ้าน โซนอาหารฮาลาล ฯลฯ และเพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศไทยและเพื่อกระตุ้นความสนใจให้กับผู้ที่เข้าร่วมงาน จึงได้จัดให้มีโซนศาลาไทยเพื่อแสดงการร้อยมาลัย แกะสลัก รวมทั้งการแสดงแฟชั่นโชว์ สปาโชว์ การประกอบการอาหารไทยจากเชฟมืออาชีพจากประเทศไทย รวมทั้งการบรรยายพิเศษเกี่ยวกับอุตสาหกรรม spa & wellness ในไทย เพื่อสร้างสีสันในงานอีกด้วย
"สำหรับความร่วมมือในด้านการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมระหว่างสองประเทศในอนาคต สสว. และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน LABOUR FUND (Tamkeen) ได้หารือร่วมกันพร้อมทั้งจะจัดพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจด้านการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมภายในงานดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะสร้างประโยชน์ในการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมระหว่างสองประเทศ ทั้งการสร้างความสัมพันธ์ในการทำงานเพื่อพัฒนาการส่งเสริม SMEs ระหว่างสองประเทศ เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนทั้งสองประเทศในด้านต่าง ๆ รวมทั้งเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางนโยบายส่งเสริม SMEs ผู้ประกอบการ รวมถึงการประเมินผลกระทบของกฎระเบียบ และการลดขั้นตอนภาครัฐ อีกด้วย" ผอ.สสว. กล่าว
ทั้งนี้ "THAI EXPO : SME ONE FEST IN BAHRAIN 2019" เป็นกิจกรรมหนึ่งที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจระดับเติบโต (SME Regular Level) ปีงบประมาณ 2562 ในการสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ไทย ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะในด้านการตลาด และเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการประกอบการให้เข้มแข็งยั่งยืน อันจะนำไปสู่การสร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นทางการค้าและการลงทุนให้แก่นักธุรกิจจากกลุ่มประเทศสมาชิกความร่วมมืออ่าวอาหรับ (Gulf Cooperation Council : GCC) โดยเฉพาะราชอาณาจักรบาห์เรน ให้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ การดำเนินการดังกล่าว ยังสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม ภายใต้กรอบความร่วมมือต่าง ๆ เพื่อนำไปสู่การแสวงหาโอกาสทางการค้า การลงทุน องค์ความรู้และนวัตกรรมกับประเทศที่มีศักยภาพในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก อาทิ ยุโรป เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือทางวัฒนธรรมของไทยด้วยการส่งเสริมเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ ศิลปวัฒนธรรม เพื่อสร้างการรับรู้ที่กว้างขวางมากขึ้นในเวทีโลกอีกด้วย
สำหรับผู้ประกอบการไทยที่เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ประกอบด้วย ผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิก สสว. ทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดา หรือบุคคลธรรมดาที่จดทะเบียนกับหน่วยงานของรัฐ ซึ่งยังดำเนินธุรกิจปกติ นิติบุคคลสัญชาติไทย ที่ดำเนินธุรกิจปกติมาไม่น้อยกว่า 3 ปี และอยู่ในกลุ่มธุรกิจสปา แฟชั่น สิ่งทอ และไลฟ์สไตล์ กลุ่มอาหารฮาลาล กลุ่มบริการท่องเที่ยวและโรงแรม ของใช้ และของตกแต่งบ้าน ฯลฯ รวมจำนวน 67 กิจการ