กรุงเทพฯ--24 ก.ย.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานอิทธิพลพายุโซนร้อน "โพดุล" และพายุโซนร้อน "คาจิกิ" ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. 62 จนถึงปัจจุบัน (24 ก.ย. 62 เวลา 06.00น.) ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัยในพื้นที่ 32 จังหวัด 184 อำเภอ 976 ตำบล 7,175 หมู่บ้าน 5 เขตเทศบาล 11 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 419,988 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 35 ราย ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ยโสธร ร้อยเอ็ด และศรีสะเกษ ซึ่งปภ.ได้ร่วมกับจังหวัดหน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลัง เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง รวมถึงดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ประสบภัยเป็นหลักอีกทั้งสำรวจความเสียหายครอบคลุมทุกด้าน เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า อิทธิพลพายุโซนร้อน "โพดุล" และพายุโซนร้อน "คาจิกิ" ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคมจนถึงปัจจุบัน (24 ก.ย. 62 เวลา 06.00 น.) ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินสไลด์ รวม 32 จังหวัด ได้แก่ ภาคเหนือ 10 จังหวัด ได้แก่ แพร่ เชียงใหม่ เพชรบูรณ์ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร แม่ฮ่องสอน ลำปาง และสุโขทัย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 16 จังหวัด ได้แก่ นครพนม ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี อำนาจเจริญ มหาสารคาม ขอนแก่น หนองบัวลำภู ยโสธร กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ชัยภูมิ สุรินทร์ อุดรธานี เลย ศรีสะเกษ และสกลนคร ภาคตะวันออก 3 จังหวัด ได้แก่ ปราจีนบุรี ตราด และสระแก้ว ภาคใต้ 3 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ ระนอง และชุมพร รวม 184 อำเภอ 976 ตำบล 7,175 หมู่บ้าน 5 เขตเทศบาล 11 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 419,988 ครัวเรือน บ้านเรือนได้รับความเสียหาย 4,943 หลัง ผู้เสียชีวิต 35 ราย (ยโสธร 9 ราย ร้อยเอ็ด 6 ราย อำนาจเจริญ 5 ราย ขอนแก่น 3 ราย อุบลราชธานี 3 ราย ศรีสะเกษ 3 ราย พิจิตร 2 ราย พิษณุโลก 1 ราย มุกดาหาร 1 ราย สกลนคร 1 ราย น่าน 1 ราย) ผู้บาดเจ็บ 1 คน (ชัยภูมิ) ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ยโสธร ร้อยเอ็ด และศรีสะเกษ อพยพประชาชน 17,939 คน ในพื้นที่ 2 จังหวัด รวม 44 จุด ได้แก่ อุบลราชธานี 41 จุด รวม 17,777 คน ศรีสะเกษ อพยพประชาชน 3 จุด รวม 162 คน ทั้งนี้ ปภ.ได้ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมเจ้าหน้าที่ วัสดุอุปกรณ์ ยานพาหนะ และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยและคลี่คลายสถานการณ์ภัย โดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำ รถบรรทุกเครื่องส่งสูบน้ำระยะไกลเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง รวมถึงแจกจ่ายอาหารปรุงสุกน้ำดื่มและถุงยังชีพตามวงรอบ อีกทั้งดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ประภัยในศูนย์พักพิงชั่วคราว อำนวยความสะดวกในการขนย้ายสิ่งของและการเดินทางในพื้นน้ำท่วมขัง อีกทั้งให้บริการด้านสาธารณสุขครอบคลุมการดูแลสุขภาพและสภาพจิตใจ สำหรับจังหวัดที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว ให้เร่งสำรวจประเมินความต้องการการช่วยเหลือของผู้ประสบภัย พร้อมจัดทำบัญชีความเสียหายให้ครอบคลุมทุกด้าน ทั้งการประกอบอาชีพ ชีวิตความเป็นอยู่ ที่อยู่อาศัย พื้นที่การเกษตร ปศุสัตว์ สาธารณูปโภค เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ โดยเฉพาะด้านที่อยู่อาศัย แยกเป็น เสียหายทั้งหลัง และเสียหายบางส่วน ตลอดจนซ่อมแซมและฟื้นฟูสิ่งสาธารณประโยชน์ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป