กรุงเทพฯ--25 ก.ย.--อี ฟอร์ แอล เอม
"ปรีชา นันท์นฤมิต" บิ๊กบอส EFORL เผยคณะกรรมการบริษัทมีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัท เพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (RO) อัตราส่วน 4 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ราคา 0.05 บาท จำนวนไม่เกิน 8,054,212,998 หุ้น โดยจะนำเสนอในที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2562 ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2562
นายปรีชา นันท์นฤมิต ประธานกรรมการ บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) หรือ EFORL ตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทมีความเห็นว่าบริษัทมีความจำเป็นต้องดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนโดยออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) โดยเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนดังกล่าวจะนำมาชำระหนี้ประมาณ 200 ล้านบาท และลงทุนในธุรกิจอื่นรวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับธุรกิจหลักของบริษัทประมาณ 202 ล้านบาท ซึ่งหลังจากการออกหุ้นเพิ่มทุนและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้จะช่วยปลดเปลื้องภาระหนี้ของบริษัทสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่คู่ค้าและนักลงทุนทั่วไป ทำให้บริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินและเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจในอนาคต เป็นประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทในระยะยาวซึ่งจะเป็นผลดีต่อผู้ถือหุ้นเช่นกัน
ประธานกรรมการ EFORL กล่าวต่อว่า แนวโน้มในครึ่งปีหลัง 2562 ประเมินว่า น่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นจากการสร้างรายได้จากบริษัทลูก ขณะที่ธุรกิจเครื่องมือแพทย์ ยังสามารถสร้างรายได้ต่อเนื่อง มีการเพิ่มทีมขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และมีแผนร่วมลงทุนผลิตเครื่องมือแพทย์บางรายการกับบริษัทชั้นนำในต่างประเทศ ประกอบกับมีความต้องการของลูกค้าที่มีอยู่ในมือแล้ว ประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตเช่นกัน ซึ่งในส่วนกลุ่มบริษัทวุฒิศักดิ์ เรายังเห็นความมุ่งมั่นในการทำให้สถานการณ์ดีขึ้น โดยมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ภายใต้แบรนด์ Wuttisak Cosmetic และได้ปรับโมเดลธุรกิจใหม่ให้เป็น Beauty Living ครอบคลุมเรื่องสวยๆ งามๆ แบบครบครัน ซึ่งจะช่วยผลักดันการขายสินค้าให้มากขึ้น อีกทั้งเป็นสินค้ามีกำไรสูง
ในปีนี้บริษัทฯ มีเป้าหมายรายได้เติบโต 15% จากปีก่อน จากการพัฒนาประสิทธิภาพในการขาย และขยายตลาดในส่วนของฐานลูกค้าเดิม และกลุ่มลูกค้าใหม่ รวมทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์เดิมและผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งธุรกิจดังกล่าวเป็นอุตสาหกรรมการแพทย์ที่มีมูลค่าสูง และมีการเติบโตได้ แม้สถานการณ์เศรษฐกิจจะไม่เอื้ออำนวย เนื่องจากเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ส่งผลให้ความต้องการเครื่องมือทางการแพทย์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย