กรุงเทพฯ--26 ก.ย.--เบ็นคิว (ประเทศไทย)
พร้อมเชิญสื่อเยี่ยมชมร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่และใกล้ชิดกับนักกีฬาอีสปอร์ตในไทย
บริษัท เบ็นคิว (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าสินค้าจอเกมมิ่งมอนิเตอร์ชนิด 144Hz และ 240Hz รวมทั้งอุปกรณ์เกมมิ่งเกียร์ ภายใต้แบรนด์ ZOWIE ประกาศครองความเป็นเจ้าตลาดจอเกมมิ่งมอนิเตอร์ชนิด 240Hz ในช่วงครึ่งปีแรกของ 2019 ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 75.33% ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2018 ที่ผ่านมานั้นมีส่วนแบ่งครองตลาดทั้งหมดอยู่ที่ 40.34% และคาดว่าภายในปีนี้จะโตขึ้น 200% ด้วย feature DyAc, Black Equalizer และ Color Vibrance ซึ่งเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของจอ ZOWIE 240Hz ที่ถือได้ว่าเป็นจอมาตรฐานสำหรับการแข่งขันในสนามแข่งเกมชั้นนำทั่วทุกมุมโลกโดยเฉพาะสนามแข่งเกมจำพวก FPS รวมทั้งยังได้รับการยอมรับจากเหล่าบรรดา โปรเกมเมอร์ประเภท FPS ในด้านความสามารถของ Features ต่างๆ ที่มีการตอบสนองที่ไหลลื่น รวดเร็ว และมีความเสถียรต่อความต้องการของเหล่าเกมเมอร์ได้เป็นอย่างดี และถือโอกาสนี้พาสื่อมวลชนเยี่ยมชม ร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ และ Bootcamp ของทีมนักกีฬาอีสปอร์ต หนึ่งในกลยุทธ์ที่จะเข้าถึงกลุ่มผู้เล่นได้กว้างขวางมากขึ้น
นายวัชรพงษ์ วงษ์มา ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์ กล่าวว่า" ภาพรวมของตลาดจอเกมมิ่งชนิด 240Hz ของแบรนด์ ZOWIE ในประเทศไทย มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องช่วงเดือนมกราคม – มิถุนายน ปี 2562 สินค้าประเภทจอ ZOWIE 240Hz นั้นมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 75.33% ซึ่งหากเปรียบกับ ปี 2018 นั้น ทางเรามีส่วนแบ่งการตลาดของจอเกมมิ่งชนิด 240Hz อยู่ที่ 40.34% เรียกได้ว่าเราโตขึ้น 155.30% หากเปรียบเทียบกับช่วงเวลาครึ่งปีแรกของปี 2018 และปี 2019 ทั้งนี้ด้วยสาเหตุที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ในตลาดนั้นเริ่มเห็นความสำคัญของจอ 240Hz ว่ามีส่วนช่วยในเรื่องประสิทธิภาพการเล่นที่ดีขึ้นและสบายตา รวมทั้งช่วยในเรื่องของการแข่งขันได้ดีขึ้นเช่นเดียวกัน ส่วนฐานลูกค้าเก่าของ ZOWIE เองที่เคยใช้จอ 144Hz อยู่ก็เริ่มมีการขยับสเปคของจอมอนิเตอร์ขึ้นจากเดิมที่ใช้อยู่มาเป็นชนิด 240Hz ในช่วงเวลานี้ด้วยเช่นกัน ส่วนทางด้านฝั่งจอ ZOWIE 144Hz นั้นมีส่วนแบ่งการตลาดในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 11.9% ซึ่งถือได้ว่าเราอยู่ในอันดับ 3 ของตลาดจอเกมมิ่งชนิด 144Hz จากคู่แข่งในตลาดทั้งหมดกว่า 13 แบรนด์ชั้นนำ ซึ่งครึ่งปีแรกนั้นถือได้ว่าขนาดตลาดมวลรวมทั้งหมดอยู่ที่ 23,276 เครื่อง หากเปรียบเทียบกับขนาดตลาดมวลรวมของจอเกมมิ่งประเภท 144Hz ในปี 2018 ทั้งปีนั้นอยู่ที่ 26,530 เครื่อง ซึ่งคาดการณ์ว่าภายในสิ้นปี 2019 ขนาดตลาดมวลรวมของจอเกมมิ่งชนิด 144Hz น่าจะมีการปิดตัวเลขอยู่ที่ 35,000 เครื่อง ซึ่งถือได้ว่าตลาดนั้นโตขึ้นกว่า 50% หากเปรียบเทียบกับปีก่อนด้วยสาเหตุที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่เริ่มมองเห็นความสำคัญของจอและเริ่มเปลี่ยนจอมอนิเตอร์จากเดิมที่ใช้กันอยู่ที่ 60Hz หรือ 75Hz มาเป็นที่ 144Hz ซึ่งถือได้ว่าเป็นจอพื้นฐานของเกมมิ่งประเภท FPS และเรียกได้ว่าเป็นเกมที่โตเร็วที่สุดในบรรดาเกมมิ่งประเภทอื่นๆ ในส่วนของจอ ZOWIE 144Hz เองนั้นทางเราคาดไว้ว่าจะปิดตัวเลขส่วนแบ่งทางตลาดอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 15% เพื่อตอกย้ำให้เห็นถึงความเป็นผู้นำทางตลาดจอมอนิเตอร์ประเภท FPS ทั้งชนิด 240Hz และ 144Hz ซึ่งนับได้ว่าแบรนด์ ZOWIE ยังคงเป็นแบรนด์อันดับ 1 ที่ได้การตอบรับจากกลุ่มเกมเมอร์ในทุกระดับไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นทั่วไปหรือผู้เล่นระดับมืออาชีพ "
" ทั้งนี้ เราได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการเล่นเกมของผู้เล่นเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเกมการแข่งขันในระดับใดก็ตาม และเพื่อให้กลุ่มเกมเมอร์ได้สัมผัสกับอุปกรณ์เกมมิ่งเกียร์และจอมอนิเตอร์ของแบรนด์ ZOWIE แบบที่นักกีฬาเหล่ามืออาชีพใช้กันอย่างแพร่หลายนั้น ทางเบ็นคิว จึงได้นำเทคโนโลยีและอุปกรณ์เกมมิ่งอย่าง จอ ZOWIE LCD Monitor 144Hz หรือ 240Hz, เม้าส์, คีย์บอร์ด และอุปกรณ์เสริมต่างๆ เข้ามาในร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่มากขึ้น พร้อมกันนี้ได้จับมือสานสัมพันธ์กับร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ทั่วประเทศ เช่น ร้าน Landmark House of Gamer ย่านห้วยขวาง และร้าน G-Speed Living Plus สาขารามคำแหง 53 " นายวัชรพงษ์ กล่าวเสริม
ด้าน นายวรเศรษฐ วงศ์คงมั่นสกุล ผู้ก่อตั้ง Landmark House of Gamer หนึ่งในร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ยุคใหม่ ได้ร่วมพูดคุยและเล่าถึงที่มาของร้าน ว่า " เราได้เริ่มการทำธุรกิจร้านอินเตอร์เน็ตขึ้นเมื่อปี 2552 และมีโอกาสได้ไปต่างประเทศและได้เห็นร้านแบบนี้ในต่างประเทศ ก็อยากจะพัฒนาร้านของเราให้ดีขึ้น และได้ขยายร้านเป็น 2 สาขา เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักกีฬาหรือผู้เล่นในแต่ละที่แตกต่างกัน อย่างที่ Landmark House of Gamer เราอยู่ใจกลางเมืองและใกล้รถไฟฟ้า ทำให้เดินทางสะดวก รองรับได้ทั้งผู้เล่นคนไทยและชาวต่างชาติ และในปัจจุบันผู้เล่นมีความคาดหวังในการเล่นเกมมากขึ้น ไม่ว่าจะคอมพิวเตอร์สเปคสูง จอที่ไหลลื่น หรือแม้แต่อินเตอร์ที่แรงแตกต่างจากอินเตอร์เน็ตที่บ้าน ฉะนั้นเราจึงมีบริการที่ครบครันและตรงตามความต้องการของผู้เล่น อย่างอุปกรณ์เราก็จะเลือกใช้เฉพาะที่คนทั่วไปและคนทั่วโลกใช้กัน โดยจะเห็นว่าอุปกรณ์สำหรับนักกีฬาอีสปอร์ตระดับโลกหรือระดับมือาชีพใช้กันส่วนใหญ่จะเป็น จอมอนิเตอร์ของ ZOWEI ดังนั้นถ้าเราเลือกอุปกรณ์ที่มีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับ ร้านของเราก็จะได้รับความน่าเชื่อถือ และเป็นที่รู้จักมากขึ้นตามไปด้วย "
สำหรับ ร้าน Landmark House of Gamer เป็น I-Cafe ยุคใหม่ ที่ตอบโจทย์ผู้เล่นได้หลากหลายขึ้น โดยแบ่งเป็นพื้นที่ให้บริการสำหรับเล่นเกมหรืออินเตอร์เน็ตคาเฟ่ และพื้นที่สำหรับ กลุ่มนักกีฬาอีสปอร์ต, E-sport Bootcamp และห้องสำหรับ Streaming ที่ต้องการฝึกซ้อมและความเป็นส่วนตัว โดยทางร้านมีการออกแบบห้องพักเพื่อตอบโจทย์ให้กับทีมนักกีฬา ซึ่งภายในแต่ละห้องจะมีคอมพิวเตอร์สเปคระดับมืออาชีพไว้ให้บริการ เช่น จอ Zowie 24.5 นิ้ว 240Hz นอกจากนั้นยังตกแต่งห้องฝึกซ้อมให้เป็นห้องนอนภายในตัว พร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบครัน
ทาง คุณเกรียงศักดิ์ กาศกระโทก Manager Director ร้าน G-speed Living Plus ได้เล่าประสบการณ์ในการทำร้านอินเตอร์เน็ตมากกว่า 10 ปีให้ฟังว่า " ผมเปิดร้านอินเตอร์เน็ตในรูปแบบเก่ามาได้ 10 กว่าปี แต่ด้วยในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เลยได้แรงบันดาลใจตรงที่ว่า อยากมีร้านสวยๆ และอยากปรับภาพลักษณ์ใหม่กับร้านอินเตอร์เน็ตในไทย ซึ่งเดิมทีเรามี 22 สาขา แต่ในปัจจุบันเราเหลือเพียง 13 สาขา เพราะด้วยวิกฤตของโมบาย แต่จะมีร้านอินเตอร์เน็ตที่เป็นคาแฟ่แบบนี้ 3 สาขา ที่เหลือยังคงเป็นเวอร์ชั่น 2.0 และ 3.0 เป็นหลัก โดยในแต่ละสาขาจะมีรูปลักษณ์ที่มีความชัดเจนในตัวอยู่แล้ว โดยสาขานี้ G-speed Living Plus หรือ GLP จะตอบโจทย์ชาวเกมเมอร์ โปรเพลย์เยอร์ ที่ต้องการความหลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสินค้า อาหาร เครื่องดื่ม และการบริการของเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่เรียกว่าช่วยเติมเต็มได้เป็นอย่างดี และเรายังเน้นเรื่องของการบริการ เรามีพนักงานที่คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง "
ร้าน G-Speed Living Plus สาขารามคำแหง 53 เป็น ร้าน Internet Cafe ยุค Gen 4.0 ที่มาสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับร้านอินเตอร์เน็ตค่าเฟ่ของไทย ที่มอบประสบการณ์ในการเล่นเกมให้กับกลุ่มเกมเมอร์ได้เข้าถึงอารมณ์เกมมากขึ้น โดยแบ่งโซนการใช้งานได้อย่างชัดเจน คือ Gaming Zone, Living Zone,E-Sport Zone, Event Zone และ Streaming Zone นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สำหรับการจัดงานหรือการแข่งขันเกมต่างๆ พร้อมมีบริการด้านอาหารและเครื่องดื่มให้ผู้ใช้บริการด้วย
" นอกจากนี้ แบรนด์ ZOWIE ยังคงเชื่อว่าอุปกรณ์เกมมิ่งเกียร์ถือว่าเป็นไอเทมสำคัญของนักกีฬาอีสปอร์ต เราจึงได้มีการสนับสนุนการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ตร่วมกับพันธมิตรรวมถึงทีมนักกีฬา อีสปอร์ตหลายๆ ทีมด้วยกัน เช่น ทีม Purple Mood E-Sports แชมป์โลกจากการแข่งขัน FIFA ONLINE 4 และยังครองแชมป์การแข่งขัน JIB PUBG Thailand Pro League ถึง 3 สมัย และ สังกัด Sharper Esport ที่เรียกได้ว่าเป็น Bootcamp ส่วนตัวที่จัดเตรียมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์เกมมิ่งเกียร์คุณภาพดีให้กับสมาชิกได้ฝึกซ้อมกันส่วนแบรนด์ ZOWIE เองก็ยังคงพัฒนาและสนับสนุนอุปกรณ์เกมมิ่งที่มีศักยภาพที่ดีที่สุดเพื่อรองรับกลุ่มนักกีฬาอีสปอร์ตเหล่านี้ และเพื่อให้พวกเขาได้พัฒนาทักษะและพัฒนาตนเองจนนำไปสู่ชัยชนะและความเป็นมืออาชีพต่อไป " นายวัชรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติม
ในส่วนของทีมนักกีฬาอีสปอร์ต Purple Mood E-sports ได้เปิดบ้านต้อนรับและให้สัมภาษณ์ถึงการรวมทีมในครั้งนี้ โดยมี คุณพิเชษฐ์ พรมวงศ์ Production Director และ คุณธนานุพงษ์ มีสวน PLM PUBG MOBILE Coach ร่วมถ่ายทอดเรื่องราว ว่า " ทางทีมเริ่มจากการรวมตัวของกลุ่มเพื่อนๆ ที่รู้จักกัน มีการฝึกซ้อมกันเหมือนเป็นงานอดิเรก จนวันหนึ่งเรามีความตั้งใจ และมีความมุ่งมั่นพัฒนาจนมาเป็นทีมนักกีฬาอีสปอร์ต และเริ่มเข้าแข่งขันตามที่ต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ปัจจุบันในทีมเราแบ่งเป็น 4 ทีมใหญ่ คือ ทีม PUBG PC, ทีม PUBG Mobile, ทีม FIFA ONLINE 4 และทีม Apex Legends ส่วนสิ่งสำคัญของการเป็นนักกีฬาอีสปอร์ต คือการที่เราต้องมีระเบียบวินัย ขยันฝึกซ้อม และตั้งเป้าหมายในอนาคตเอาไว้ รวมทั้งเราต้องสามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ด้วย ส่วนอุปกรณ์ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่นักกีฬาจะต้องมีเหมือนกับเป็นอาวุธคู่ใจ ที่จะนำไปสู่การเป็นมืออาชีพได้ และล่าสุดทางทีมเพิ่งได้แชมป์โลกจากการแข่งขัน FIFA ONLINE 4 ที่ประเทศจีน และมีแพลนที่จะเข้าร่วมการแข่งขันอีกรายการเช่นกัน เช่น PUBG Mobile ที่ประเทศจีน, การแข่งขัน FIFA ที่อารีน่า และการแข่งขัน PUBG PC ที่ประเทศไทย "
และอีกหนึ่ง Bootcamp ภายใต้สังกัด Sharper E-sports ได้เปิดบ้านให้ได้ชมกันเป็นครั้งแรก โดยมี คุณนิติวุฒิ เตชาติ ผู้บริหารสังกัด Sharper E-sports ให้การต้อนรับและพาเยี่ยมชมกับ Bootcamp ส่วนตัวแห่งนี้ ว่า " ที่มาของการตั้งทีมเกิดจากความชอบส่วนตัว เมื่อก่อนกีฬาอีสปอร์ตไม่ได้มีการพัฒนามากเท่าไหร่ แต่เรามีความฝันที่อยากจะมีสถานที่สำหรับฝึกซ้อม แล้วอยากให้นักกีฬาได้มาใช้สถานที่ที่ดีเพื่อฝึกซ้อม โดยที่นี่เรามีตั้งกฎระเบียบสำหรับนักกีฬา ไม่ว่าจะเป็นกฎการเข้าแคมป์ เวลาตื่นนอน ชั่วโมงการฝึกซ้อม หรือแม้แต่ช่วงเวลาพัก ส่วนทีมในสังกัดของเราจะมีทั้งหมด 5 ทีม สำหรับเกม PUBG Mobile และ PUBG PC ซึ่งแต่ละทีมจะมีโค้ชและทีมการจัดการที่คอยบริหารจัดการทีมให้มีประสิทธิภาพ ส่วนด้านอุปกรณ์เกมมิ่งเป็นสิ่งที่สำคัญเท่ากับฝีมือ เพราะถ้าเรามีอุปกรณ์ที่ดีมีคุณภาพแล้ว จะทำให้นักกีฬาของเราฝึกซ้อมและแข่งขันได้ในระดับมืออาชีพ "