บทสัมภาษณ์ผู้กำกับ ปื้ด-ธนิตย์ จิตนุกูล : สลัดตาเดียวกับเด็ก 200 ตา

ข่าวบันเทิง Monday February 25, 2008 09:14 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 ก.พ.--สหมงคลฟิล์ม
Q จนถึงวันนี้พี่ปื๊ดทำหนังมากี่ปี
กำกับหนังครั้งแรกตั้งแต่ปี 2528 มาถึงตอนนี้ก็เข้าปีที่ 23 ผลงานหนังที่ทำมาก็น่าจะอยู่ในราวๆ 20 กว่าเรื่อง เฉลี่ยแล้วปีละเรื่อง เราน่าจะเป็นผกก.คนเดียวที่มีงานต่อเนื่อง และผ่านช่วงเวลาขึ้นลงของวงการหนังไทยมาตลอด
Q ตลอด 23 ปีกับบทบาทผู้กำกับ ส่วนตัวได้ทำหนังแนวไหนมาแล้วบ้าง
จริงๆก็ทำมาเกือบหมดแล้ว ทั้งแนวแอ็คชั่น ตลก ความรัก ผี มีอยู่แนวเดียวที่ยังไม่เคยทำนั่นคือ หนังแนวที่มีกลุ่มคนดูชัดเจน อย่างหนังที่ทำให้ครอบครัวดูโดยเฉพาะ คือเราฝันไว้ว่าอยากทำหนังที่เติมจินตนาการเข้าไปให้เป็นการผจญภัยของเด็กแบบสุดๆไปเลย ด้วยการใส่สัตว์ที่มีขนาดใหญ่ยักษ์อย่าง เต่ายักษ์ ปูยักษ์ ปลาหมึกยักษ์ เราก็เคยดูหนังจำพวกนี้ แต่เผอิญมันเป็นหนังฝรั่ง หนังญี่ปุ่น ซึ่งคงเป็นอะไรที่ซ่อนอยู่ในตัวเราลึกๆ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำมัน อาจจะเป็นด้วยข้อจำกัดของงบประมาณ หรือเทคนิคที่จะมาตอบสนองจินตนาการเราได้ ท้าทายเราในมุมหนึ่งว่าด้วยบุคลิก คาแรคเตอร์ ด้วยประสบการณ์การทำหนังด้วยมุมมอง เราสามารถที่จะทำหนังการผจญภัยของเด็กออกมาได้ไหม ซึ่งสำหรับผมแล้วถือได้ว่าเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งในตอนที่ตัดสินใจจะหยิบเอาโปรเจ็คต์นี้ขึ้นมาทำ
Q การหันมาทำหนังแนวผจญภัยแฟนตาซีแบบนี้ จะสะท้อนแง่มุมบางอย่างในตัวเราที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนรึเปล่า
มันก็เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเราเหมือนกัน เป็นส่วนหนึ่งที่สะท้อนออกมาในสมัยที่เรายังเป็นเด็ก ตอนนั้นเคยไปดูหนังกลางแปลง หนังขายยา การที่เราอยู่ในชนบทโอกาสที่เราได้ดูทีวีมีน้อย เลยแอบไปดูทีวีบ้านเพื่อนบ้าง เขาก็เปิดแต่หนังหนังสัตว์ประหลาดของญี่ปุ่นที่มีเข้ามา หรือแม้แต่หนังกลางแปลงที่ฉายโดยบริษัทโอวัลตินที่เอาหนังเข้ามาฉายอย่างอภินิหารขนแกะทองคำ เราก็เห็นซี่โครง ฟันดาบได้(หนังของปรมาจารย์สต็อปโมชั่น แฮร์รี่ เฮาวน์เซนท์) ก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจ ซึ่งคงฝังอยู่ในตัวเราโดยที่เราไม่รู้
Q จุดเริ่มต้นของโปรเจกต์นี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร
เราคิดว่าถ้ามีหนังเกี่ยวกับเด็ก มีสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ๆ ก็คงจะเป็นจุดขายที่ดึงดูดความสนใจได้ แต่มองในแง่ของคนทำในตอนนั้นแล้วยังไม่ค่อยมีใครทำ เราเองก็ยังไม่เคยทำ แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่างก็น่าเป็นไปได้ ก็เลยเกิดเป็นคอนเซ็ปต์ สลัดตาเดียวกับเด็ก200 ตาขึ้นมา พอเราได้โจทย์นี้ก็มองว่าการที่เด็กจะไปผจญภัยในเกาะๆหนึ่งซึ่งจะต้องก่อให้เกิดเรื่องราวได้เยอะ ก็น่าจะเป็นเกาะสมบัติและไปเกี่ยวข้องกับโจรสลัด ทุกอย่างถูกร้อยเรียงมาในตัวเรื่องเมื่อเราคิดได้อันหนึ่งก็จะไปผูกและเชื่อมโยงกับอีกอันหนึ่ง พอเป็นรูปเป็นร่างแล้วไปเล่าให้เสี่ยเจียงฟัง เขาก็รู้สึกแฮปปี้คือถ้าเรามีปูยักษ์ เรามีปลาหมึกยักษ์ เรามีเต่ายักษ์ แล้วจริงๆเป็นหนังเด็กด้วย ก็น่าจะเป็นหนังที่สร้างออกมาได้สนุกเรื่องหนึ่ง เมื่อเรามองถึงคนดูที่เป็นกลุ่มครอบครัว จึงทำให้เกิดเป็นโปรเจ็คต์ภาพยนตร์เรื่องสลัดตาเดียวกับเด็ก200 ตาขึ้นมา
Q เมื่อมองถึงขั้นตอนการทำงานที่จะต้องเนรมิตให้จินตนาการทั้งหมดจะต้องถูกสร้างให้โลดแล่นขึ้นมาได้จริง ไม่ว่าจะเป็นการผจญภัยของเด็กเอง เรื่องราวของโจรสลัด ไปจนถึงการสร้างสัตว์ยักษ์ทั้งหลาย ในส่วนนี้คิดอย่างไรบ้าง
สมัยเด็กเราเคยดูวิธีการทำจินตนาการให้เกิดเป็นภาพจริงได้ เขามีวิธีการถ่ายแบบสต็อปโมชั่น แต่ในปัจจุบันวิธีดังกล่าวมันดูล้าสมัยไปแล้ว มันถูกทดแทนด้วยสเปเชี่ยลเอฟเฟ็คต์ที่ว่ากันด้วยของคอมพิวเตอร์ล้วนๆ ถ้าคุณจะรู้สึกว่าบนเกาะนี้มีปูยักษ์ คุณต้องทำงานบนพื้นฐานนี้เพื่อที่จะมี material ในการสร้างขึ้นมาเป็นภาพได้ อันนั้นเราคงเผื่อใจไว้นิดนึงแล้วว่าสุดท้ายแล้วมันก็ยังคงเป็นโปรดักชั่นไทยอยู่ เราก็จะพยายามทำออกมาให้ดีที่สุด เราคงไม่ไปพึ่งต่างชาติ เหมือนกับท้าทายเราว่า จะทำอย่างไรให้งานสมบูรณ์มากที่สุด ถ้าเกิดสามารถที่จะทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังผจญภัยแฟนตาซีเรื่องหนึ่งที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่คนไทยเคยทำมา ถ้าเราทำให้เขารู้สึกแบบนั้นได้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว
Q การแคสติ้งเด็กแต่ละคนในเรื่องนี้ เป็นอย่างไรบ้าง
ผมเชื่อว่าการแคสติ้งนักแสดงเด็กของหนังเรื่องนี้ ถือได้ว่าเป็นครั้งที่มโหฬารที่สุดตั้งแต่มีการทำหนังไทยกันมาเลยทีเดียว คือคัดจากเด็ก 4000 คน จนเหลือ 200 คน จนคัดเอาเหลือแค่ 8 คน บรรยากาศวันนั้นต้องบอกว่ามันทั้งเหนื่อยทั้งวุ่นวายแต่พอเห็นแล้วเราก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจ ความกระตือรือร้นของผู้ปกครองที่อยากให้เด็ก ลูกหลาน แสดงออก เราเชื่อว่าถ้าเกิดเราไป cast ทั่วทุกภาค ปริมาณเด็กที่มาต้องมากกว่านี้เป็นสิบๆ เท่าเลยทีเดียว ตลอดชีวิตที่ทำหนังมา ทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่มันมีความหมาย มันจุดประกายว่าจริงๆแล้วการทำงานกับเด็กมันไม่ได้ไม่มีใครสนใจ กลับกันในปัจจุบันนี้สังคมเราให้ความสำคัญกับการสนับสนุนให้เด็กได้แสดงออกถึงความสามารถมากกว่าที่เราคิด ได้แข่งขัน งัดความสามารถพิเศษกันออกมา และพอถึงเวลาที่เราเอาเด็กสองร้อยคนไปเข้าฉากพร้อมกับผู้ปกครอง เราก็ได้รับความร่วมมือที่ดีมากๆ วันนั้นทั้งวันทั้งจากที่เป็นนักแสดงจริงและนักแสดงจำเป็นก็คือบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองที่ต้องมาดูแลลูกหลานของตัวเอง เป็นฉากที่ใหญ่ฉากหนึ่งเหนื่อยแต่ก็สดชื่นเพราะทุกคนต่างให้ความสำคัญกับงานของเราดีมากๆ ทำให้เราได้ฟุตเทจเยอะมาก
Q ความยากลำบากของโปรเจกต์นี้มีอะไรบ้าง
ความยากของโปรเจ็คต์นี้คือเราก็ยังไม่เคยกำกับเด็กเต็มๆ ในหนังทั้งเรื่อง เมื่อนึกถึงการที่เด็ก 8-9 คนจะต้องมาอยู่รวมกันบนเกาะๆหนึ่ง เหมือนกับจับปูมาใส่กระด้ง และที่สำคัญคือไม่ใช่โลเกชั่นธรรมดาด้วย เพราะต้องเป็น ทะเล เป็นเกาะ ต้องมีอุปสรรคของเรื่องน้ำขึ้นน้ำลง การสัญจร การขนย้าย ทั้งเครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์ในการถ่ายทำ ข้าวของประกอบฉากไปจนถึงคน ซึ่งมีทั้งนักแสดง ทีมงาน โดยเฉพาะเรื่องน้ำขึ้นน้ำลงอีก ซึ่งเป็นอะไรที่ค่อนข้างสาหัสมากสำหรับการทำหนังเรื่องนี้ แต่ว่าพอลงไปทำงานจริงแล้วทั้งสนุกด้วย ทั้งระทึกด้วย เพราะถ้าลูกเขาเป็นอะไรไปใครจะรับผิดชอบ ความกดดัน ความเครียดในการทำงานผสมผสานกัน พอหมดเรื่องเด็กแล้วก็มาถึงเรื่องของผู้ใหญ่ ความเป็นหนังโจรสลัดเราก็ต้องหาเรือมาซัพพอร์ท เราจะหาเรือโจรสลัดอย่างไร แล้วเราจะดีไซน์โจรสลัดของเรามาในรูปแบบไหน ต้องเอาเด็กไปขึ้นบนเรือ แล้วต้องไปถ่ายกลางทะเล คราวนี้มันไม่ได้แค่เอาเด็ก 9 คนไปผจญภัยกลางทะเลอย่างเดียว ยังมีทีมงานอีก 30 ชีวิต ดาราอีก 20 กว่าคน รวมแล้วอยู่บนเรือลำนั้นร่วมร้อยคน ซึ่งตื่นเช้ามาถ่ายหนังทุกวันจะเริ่มเครียดเลยว่า วันนี้จะมีพายุไหม จะมีลมแรงไหม แล้วเราจะได้ภาพอย่างที่เราต้องการรึเปล่า มันรวมไปทั้งหมดเลย รวมทั้งชะตาชีวิตด้วยนะ เราจะรอดกลับมาปลอดภัยไหม เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่พอมันผ่านมาได้ก็รู้สึกโล่งอก ก็เป็นการทำงานที่มีหลากรสชาติมาก เอาเป็นว่าถึงขั้นตัวดำ หน้าดำ หน้ามืด เกือบเอาเรื่อง แต่ว่าเราก็ผ่านมาได้ด้วยดี
Q เราอาจเคยได้ยินเรื่องสัตว์ เด็ก เอฟเฟ็คต์ สลิง ว่าเป็นสิ่งต้องห้ามของการทำหนัง ซึ่งในหนังเรื่องนี้มีทุกอย่างที่กล่าวไปข้างต้น เป็นอุปสรรคอย่างไรบ้าง
ปัญหาอุปสรรคสำคัญในการทำงานกับเด็กก็คือ ธรรมชาติของเด็กคือสมาธิสั้น แต่พอทำงานด้วยกันไปสักระยะ ก็เหมือนรู้ทางกันระหว่างเด็กกับเรา ก็มีการจูนการได้ในระดับหนึ่ง เหมือนเท่ากับว่าเราก็ได้มีโอกาสค้นพบพรสวรรค์ของเด็กกลุ่มนี้ด้วย โอเคว่าเป็นการทำงานที่ต่างจากผู้ใหญ่อย่างแน่นอน การที่สมาธิสั้นของเขา เราก็เลยต้องมีความรู้สึกเพื่อเอื้อในการทำงานให้กับเด็ก สำหรับมาสเตอร์ช็อตหรือภาพกว้าง เขาไม่จำเป็นต้องเล่นถูกต้อง 100 เปอร์เซ็นต์ เขาจำเป็นต้องเล่นให้ถูกต้องอย่างน้อยสัก70 เปอร์เซ็นต์ก็พอ เพราะนี่คือความสดหรือธรรมชาติของเด็กที่ค้นพบ แต่สำหรับเราต้องถ่ายอินเสิร์ทหรือถ่ายเจาะในแต่ละช็อตแต่ละซีน พอเป็นเด็กคนเดียวหรือแต่ละคน เราก็สามารถเลือกเก็บเอาจากตรงนั้นได้ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เป็นการทำงานที่มีการเข้าฉากด้วยจำนวนเด็ก 3-4 คนขึ้นไป ถ้าเกิดเราเร็วพอ เราก็บอกว่า ถ้าได้ประมาณนี้เดี๋ยวก็ปล่อยให้ไปเล่นละ เราก็กักไว้คนเพื่อถ่ายอินเสิร์ท ซึ่งทำให้เราต้องมีแผนกดูแลเด็ก ดูแลความปลอดภัยเด็กทั้งหมดเลย เพราะเด็กจะหิวง่าย ง่วงง่าย แต่ถ้าเกิดเราวางแผนมาดีพอ เราคอนโทรลได้ ก็จะช่วยให้เราทำงานกับเด็กได้ง่าย ที่เขาพูดกันว่าสัตว์ เด็ก สลิง เอฟเฟ็คต์ เราก็มองว่าจริง เหมือนอย่างที่เขาพูด แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นไปไม่ได้ เขาอาจหมายถึงเด็กที่ตัวเล็กมากกว่านี้รึเปล่า แต่ถ้าประมาณนี้ก็ยังพอคอนโทรลกันได้บ้าง ถามว่าเหนื่อยไหมก็ แต่ถ้าเราแม่นพอ เราก็จะสามารถดึงเอาจังหวะนั้นขึ้นมาทำงานได้
Q แล้วเอาเทคนิคในการรับมือกับเด็กจากไหน เพราะส่วนตัวพี่ปื้ดก็ไม่มีลูก
จริงๆแล้วเรามีผู้ช่วยที่เป็นผู้หญิง เขาก็จะเป็นฟีลผู้หญิงรักเด็ก คอยเทกแคร์ดูแลเด็กๆ ตลอด สมมติคนๆหนึ่งต้องคุมเด็ก 9 คน คนหนึ่งหิว คนหนึ่งปวดฉี่ คุณจะดูแลเขาอย่างไร ต้องทำอย่างไร เราก็ต้องบรีฟทีมงาน ถ้าคุณเจอปัญหาแบบนี้จะแก้อย่างไร ยกตัวอย่างอย่างอันนี้เป็นปัญหาที่เราเจอในช่วงแรก และเราก็เคลียร์มาในส่วนหนึ่ง เด็กบางคนติดแม่ ถ้าเห็นแม่อยู่ในกองถ่าย เห็นแม่อยู่ในฉาก เขาจะเล่นไม่ออก เหมือนกับแม่ไปแยกสมาธิน้องเขา เราเพิ่งค้นพบว่าควรจะให้แม่ไม่อยู่ในฉากที่เรากำลังจะถ่าย และพอไม่มีแม่ เขาก็ยึดเอาผู้ช่วยเราเป็นศูนย์รวมแทน พอเราใช้วิธีนี้แล้วเราโชคดีมาก เพราะตอนที่เราเอาเด็กทั้ง 9 คนขึ้นไปบนเรือ ผลปรากฏว่าบรรดาพวกแม่ๆของเด็กที่ห่วงลูก กลัวว่าลูกของเขาจะตกน้ำตกท่า เนื่องจากเมาคลื่นกันหมดก็เลยไม่มีใครขึ้นไปบนเรือ มันก็เลยทำให้ผู้ช่วยเราเป็นเอกภาพมากเลยตอนที่อยู่บนเรือ ซึ่งในขณะที่เราถ่ายหนังอยู่บนเรือ สมาธิส่วนหนึ่งของเราต้องคอยมองเด็กเกือบตลอดเวลาเลย บางทีเราซีเรียส ถึงขั้นที่ว่าเด็กห้ามขึ้นมาเดินเล่นเพ่นพ่านบนกาบเรือเลยทีเดียว เพราะถ้าร่วงตกลงไปชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่สามารถทำลูกเขาขึ้นมาใหม่ให้หน้าเหมือนเดิมไม่ได้แน่ๆ
Q เนื่องจากต้องไปถ่ายทำกันที่ทะเล เรื่องน้ำขึ้นน้ำลงส่งผลต่อการทำงานอย่างไรบ้าง
จากที่เราคิดว่าเราควรจะมีเวลาทำงาน 12 ชั่วโมงมันก็จะเหลืออยู่ประมาณสัก 6 ชั่วโมง ซึ่งใน 6 ชั่วโมงนี้เราต้องขโมยเก็บเอาแบบที่ต้องให้ได้ปริมาณงานมากที่สุดเท่าที่เราจะพยายามได้ ซึ่งตอนแรกเราประเมินการทำงานไว้สมมติว่าจะถ่ายที่โลเกชั่นนี้สัก 7 คิวก็กลายเป็น 10 คิวทันที เพราะเนื่องจากเราคำนวณได้ยากว่าน้ำสมมติขึ้นมาประมาณนี้เรายังจะถ่ายซีนนี้อยู่ได้ไหม หรือต้องยกเลิกการถ่ายเลย เราต้องค้างฟิล์มเอาไว้ เพราะว่าหาดเราไม่สมจริงแล้ว หาดเหลือเพียง 2-3 เมตร เราก็ถ่ายไม่ได้ทั้งที่จริงแล้วต้องมีหาดยาวประมาณ 30-50 เมตร ซึ่งส่งผลมากๆ เพราะโดยซีนที่เราอาศัยโลเกชั่นของตัวหาดที่ทอดยาวหว้างสุดลูกหูลูกตานั้นล้วนแล้วแต่เป็นซีนหรือเหตุการณ์ที่สำคัญต่อเนื่องเรื่องทั้งสิ้น เราก็เลยเลือกที่จะเสี่ยงถ่ายเก็บให้ได้เปอร์เซ็นต์มากที่สุด คือถ้าเก็บให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ก็จะเป็นเรื่องที่ดี อุปสรรคตรงนี้มันเป็นเรื่องที่ผูกผันไปจนถึงว่าแล้วความเสี่ยงความยากง่ายในการขนย้ายทั้งคนและเครื่องไม้เครื่องมือ อย่าลืมว่าเรามีแค่เรือยางในการที่จะสามารถฝ่าคลื่นเข้าไปได้หรือฝ่าคลื่นออกไป คือจากตัวที่เราเซ็ทเป็นเกาะเราต้องฝ่าคลื่นออกไป ไปเจอน้ำทะเลนิ่ง แล้วเราถึงจะตีวกเข้าไปในหาดที่เป็นที่พักได้ ความเสี่ยงระดับนี้มีอยู่ทุกวันเลย
Q โลเกชั่นที่ใช้ถ่ายทำในเรื่องนี้มีที่ไหนบ้าง
เราใช้ทะเลแถบจังหวัดกระบี่ในการถ่ายทำ แต่สำหรับเกาะที่เด็กๆไปติดที่อ่าวกระโดงฉลาม จังหวัดตรัง เป็นเมน เพราะว่าเผอิญเราทำหนังเราก็มีภาพติดหัวเราอยู่มา แล้วเรามีความรู้สึกว่าอาจจะยาก อาจจะมีอุปสรรคจริง แต่เราเชื่อว่ามันสวยก็เลยต้องเสี่ยงเอา อย่างในเรื่องเราก็จะมีถ้ำด้วย ซึ่งถ้ำในหนังเรื่องนี้เราสมมติเอา เพราะว่าเราสำรวจถ้ำมาเยอะแล้ว สุดท้ายเราไปได้ถ้ำที่ ซึ่งเป็นถ้ำที่ใหญ่มาก เป็นถ้ำที่ไว้สมบัติเป็นที่อยู่ของเต่ายักษ์ในเรื่อง
Q นอกจากความสนุกจากการผจญภัยของเด็ก โจรสลัด เกาะมหาสมบัติ แล้วยังสนุกไปกับเรื่องของปริศนาลายแทงด้วยใช่หรือเปล่า
พูดถึงเรื่องของการค้นหาสมบัติ ของตำนานโจรสลัดจากรุ่นเก่ามาถึงรุ่นใหม่ ก็ต้องมีการทิ้งลายแทงเอาไว้ให้ตามหาขุมทรัพย์ โดยเราตีความว่าเนื่องจากหนังของเราเป็นหนังไทย ลายแทงของเราก็เลยเป็นภาษาไทย ด้วยการหยิบยกเอาการละเล่นของไทยเราสมัยก่อน ไม่ว่าจะเป็นมอญซ่อนผ้า หรือว่าคำที่เป็นปริศนา คำที่ให้มีความรู้สึกว่าเป็นการเล่นคำ อย่างสูงเสียดฟ้าบางวันอ้าบางวันหุบ ซึ่งมีความรู้สึกถึงความเป็นไทยได้หรือแม้แต่กระทั่งมอญซ่อนผ้า ตุ๊กตาอยู่ข้างหลัง คือเราพยายามที่จะเขียนปริศนานี้ให้มีลักษณะความเป็นไทย แทนที่เราจะใช้สัญลักษณ์ทุกอย่างในลายแทงเราเป็นฝรั่ง เราก็เลือกมาใช้ที่ความเป็นไทย ซึ่งอันนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องของความแปลกอีกอย่างหนึ่ง และถือว่าเป็นการท้าทายเราระดับหนึ่งเลยว่า คนเขาจะเชื่อเราไหม ซึ่งข้อความเหล่านี้เป็นคำทายปริศนาที่สังคมไทยใช้อยู่ แล้วเราเอามาดัดแปลงมาเป็นปริศนาในลายแทง เราก็ใช้ปริศนาเหล่านี้ในลายแทงของสลัดตาเดียวด้วย
Q ความตั้งใจของตัวผู้กำกับ คืออยากให้ตำนานโจรสลัดนี้มีความเป็นไทยให้มากที่สุดใช่หรือเปล่า
เราพยายามที่จะทำให้หนังโจรสลัดเรื่องนี้เกิดขึ้นในเมืองไทยให้จงได้ เป็นโจรสลัดบนผืนทะเลอันดามัน โดยที่มีความเป็นไทยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ยังมีกลิ่นของโจรสลัดที่ยังมีความเป็นสากลอยู่ผสมผสานเข้าไปไม่ว่าจะเป็นชุดของโจรสลัดหรือหมวกของเขาหรือลักษณะความเป็นโจรสลัดตาเดียว ผสมผสานกับสิ่งที่สังคมเคยรับรู้มาก่อนหน้านี้แล้ว เรามาดัดแปลงให้มาฝังตัวอยู่ในหนังไทยเรื่องหนึ่งที่พูดถึงโจรสลัดที่มีสถานที่หรือทำเลทำมาหากินที่ชัดเจนคือบนแถบอันดามัน
Q การทำหนังที่พูดถึงตำนานและจินตนาการแบบนี้ ตัวผู้กำกับได้มีการวางโจทย์อย่างไรบ้าง
เราก็พยายามที่จะผสมผสานตรรกะของการผูกเรื่องของเหตุและผลที่มา ในขณะเดียวกันเราก็สามารถที่จะเชื่อได้ว่า ในมุมมองของเด็กถ้าเขาเชื่อว่าตำนานมีจริง สามารถจับต้องได้นะ แต่เราต้องจับต้องสิ่งเหล่านั้นด้วยหัวใจรุ่นเยาว์ของเด็ก ไม่ใช่ว่าเอาความเป็นผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์ผ่านชีวิตมาเยอะแล้วเข้าไปจับ ซึ่งในพาร์ทตรงนั้น ถ้าคุณดูหนังในฐานะที่เป็นเด็กคนหนึ่งได้ หนังเรื่องสลัดตาเดียวก็จะสามารถก็สามารถทำให้คุณสนุกและมีความสุขได้
Q ฝากผลงานหนังเรื่องนี้
อยากให้ทุกคนจับตาดูเด็กๆ เหล่านี้ ทุกคนล้วนเป็นมืออาชีพที่ไม่แพ้ผู้ใหญ่ตัวโตๆเลยทีเดียว และเราเชื่อว่าพวกเขาจะเป็นนักแสดงที่ดีต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน ตลอดระยะเวลาที่ทำงานด้วยการ สำหรับเราและทีมงาน ถือได้ว่าเป็นประสบการณ์การทำงานที่คุ้มค่ามากๆเพราะเด็กทุกคนล้วนแล้วแต่น่ารัก และร่วมงานด้วยอย่างมีความสุขและที่สำคัญนักแสดงทุกคนทั้งเก่าและใหม่สามารถทำงานเข้าขากันได้อย่างกลมกลืนและลงตัวเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นน้องเกรซ นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ และรุ่นใหญ่อย่างศรัณยู วงษ์กระจ่างและรุ่นใหม่อย่างนุ้ยเกศริน เอกธวัชกุล เพราะต้องบอกว่าคงไม่บ่อยนักที่จะมีหนังไทยสักเรื่องที่ต้องใช้พลังในการทำงานสูงอย่างเรื่องนี้อีกแล้ว ความหินของโลเชกั่นที่ไม่ธรรมดาเลยไม่ว่าคุณจะเป็นเด็กอายุ 6 ขวบหรือผู้ใหญ่ตัวโตๆก็ต้องเจอด้วยกัน ตั้งแต่นั่งเครื่องบิน ต้องเข้าไปในป่า ลงเรือ ฝ่าคลื่นทะเล เข้าถ้ำ ขึ้นเกาะ อยากให้ทุกคนได้เห็นแล้วจะรู้สึกเหมือนผมว่าดีใจที่ได้นักแสดงชุดนี้มาปรากฏอยู่ในหนังเรื่องนี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ