กรุงเทพฯ--1 ต.ค.--กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
วันนี้ (1 ตุลาคม 2562 ) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ จัดงานวันคล้ายวันสถาปนากรมส่งเสริมสหกรณ์ ครบรอบ 47 ปี ณ บริเวณลานหน้าพระอนุสาวรีย์กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ เทวศร์ กรุงเทพฯ โดยมีนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธี ถวายพานพุ่มสักการะพระอนุสาวรีย์พระราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ พระบิดาแห่งการสหกรณ์ไทย อ่านสารรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากรมส่งเสริมสหกรณ์ ครบรอบ 47 ปี และเชิญเครื่องราชอิสริยาภรณ์วางบนพานที่โต๊ะหมู่บูชา พร้อมทั้งยังให้นโยบายแนวทางการปฏิบัติงานแก่บุคลากรของกรมส่งเสริมสหกรณ์
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากรมส่งเสริมสหกรณ์ ครบรอบ 47 ปี ขอให้ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการส่งเสริมงานสหกรณ์ ทรงให้ความสำคัญกับงานสหกรณ์เป็นอย่างมาก เพราะสหกรณ์เป็นองค์กรที่มีความสำคัญที่จะช่วยดูแลเกษตรกรให้มีความเข้มแข็ง รวมทั้งเน้นให้สหกรณ์ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค และกำลังประสานความร่วมมือกับหลายหน่วยงานเพื่อหาช่องทางตลาดให้กับสหกรณ์ เพราะหากสามารถทำให้สหกรณ์มีรายได้เพิ่มจากการค้าขายและการทำธุรกิจ จะส่งผลที่ดีกลับไปยังเกษตรกรที่เป็นสมาชิกด้วย
"นโยบายสำคัญของรัฐบาลต้องการสนับสนุนให้สหกรณ์มีความเข้มแข็ง มีส่วนช่วยเหลือการสร้างอาชีพรายได้แก่เกษตรกรอย่างมั่นคง สนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ที่รักอาชีพเกษตรกรรมไม่ทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิด และให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ผลักดันการเปลี่ยนแนวคิดการปลูกพืชให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และความต้องการของตลาด ทั้งนี้ จะส่งเสริมให้กรมส่งเสริมสหกรณ์บูรณาการความร่วมมือกับกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ในการจัดทำข้อมูลระดับของสหกรณ์ A B C เพื่อเป็นข้อมูลให้เกษตรกรได้ตัดสินใจที่จะร่วมลงทุน และได้รับทราบข้อมูลความเคลื่อนไหวของสหกรณ์ในแต่ละแห่ง สำหรับแนวทางการปฏิบัติงานในปี 2563 ได้ตั้งเป้าหมายที่จะผลักดันให้สหกรณ์ทุกแห่งปลอดสารเคมีและส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์ให้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ จะจัดทำโครงการสนับสนุนให้เกษตรกรคืนถิ่นกลับบ้าน โดยมีกรมส่งเสริมสหกรณ์เป็นแกนกลางสำคัญในการบูรณาการพื้นที่ให้เกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม สำหรับเกษตรกรที่มีที่ดินทำกินอยู่ต่างจังหวัด มีใจรักในภูมิลำเนาของตน แต่ต้องมาทำงานที่กรุงเทพฯ และมีความต้องการอยากกลับไปดูแลพ่อแม่หรือปู่ย่าตายาย โดยกระทรวงเกษตรฯ จะเข้าไปส่งเสริมและบูรณาการให้เกษตรกรเข้ามาร่วมเป็นสมาชิกสหกรณ์ในท้องถิ่น สนับสนุนการรวมกลุ่มการผลิตตลอดทั้งจัดหาตลาดรองรับ โดยมีกรมส่งเสริมสหกรณ์ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงคอยเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำแก่เกษตรกร โดยส่งเสริมหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้เกษตรกรได้มีอาชีพที่ยั่งยืนและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น" นางสาวมนัญญา กล่าว
สำหรับกรมส่งเสริมสหกรณ์ ถือเป็นหน่วยงานสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2515 มีอำนาจหน้าที่ในการส่งเสริม สนับสนุน แนะนำ กำกับ และดูแลระบบสหกรณ์ของประเทศไทย ภายใต้วิสัยทัศน์ "การสหกรณ์มั่นคง สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรเข้มแข็ง เศรษฐกิจและสังคมของชุมชนยั่งยืน" ปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนสหกรณ์ 7 ประเภท ได้แก่ สหกรณ์การเกษตร สหกรณ์นิคม สหกรณ์ประมง สหกรณ์ร้านค้า สหกรณ์บริการ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนและสหกรณ์ออมทรัพย์ รวมกันกว่า 8,097 แห่ง เป็นสหกรณ์ภาคเกษตร 4,547 แห่ง นอกภาคเกษตร 3,550 แห่ง สมาชิก 11.6 ล้านคน สมาชิกภาคการเกษตร 6.7 ล้าน นอกภาคเกษตร 4.9 ล้านคน มีทุนดำเนินการ 3.1 ล้านล้านบาท และปริมาณธุรกิจ 2.5 ล้านล้านบาท
ในปีงบประมาณ 2563 กรมส่งเสริมสหกรณ์มีแนวทางในการขับเคลื่อนงาน มุ่งเน้นงานด้านการส่งเสริม และพัฒนาศักยภาพการผลิต จะมีการบริหารจัดการแปลงใหญ่ของสหกรณ์แบบครบวงจร ใช้วิทยาการสมัยใหม่ สนับสนุนสหกรณ์ใช้เครื่องจักรกลทางการเกษตรที่มีความแม่นยำสูง โดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ปลอดภัยต่อผู้บริโภค มีการจัดการผลผลิตหลังการเก็บเกี่ยว ส่งเสริมให้สหกรณ์มีการแปรรูปผลผลิตของสหกรณ์เพื่อเพิ่มมูลค่า จนได้รับมาตรฐาน GMP มีการเพิ่มศักยภาพการตลาดสินค้าของสหกรณ์ สร้างเครือข่ายกลุ่มสินค้าเกษตร โดยเริ่มพัฒนาการค้าผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ในเว็บไซต์ C0-OP shop ที่กำลังพัฒนาเพื่อให้เป็นช่องทางในการโปรโมทสินค้าสหกรณ์เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้ามาใช้บริการและเลือกซื้อสินค้าจากสหกรณ์ต่าง ๆ ได้ จะเริ่มให้มีการบ่มเพาะความรู้ในการค้าผ่านช่องทางดังกล่าว และผลักดันให้เกิดตลาดเกษตรกรในสหกรณ์ตามพื้นที่ต่างๆ รวมถึงจัดตั้งซุปเปอร์มาเก็ตสหกรณ์ ในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดใหญ่ๆ โดยจะเป็นแหล่งจำหน่ายพืชผักผลไม้ สินค้าและผลผลิตต่าง ๆ จากสหกรณ์ทั่วประเทศมารวมไว้ให้ผู้บริโภคได้ไปเลือกซื้อได้อย่างสะดวก เพื่อเพิ่มช่องทางตลาดจำหน่ายผลผลิตและสินค้าของสมาชิกสหกรณ์