กรุงเทพฯ--3 ต.ค.--สภาธุรกิจตลาดทุนไทย
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือนตุลาคม 2562 ว่า "ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว (Neutral) เป็นเดือนที่สอง โดยผลสำรวจพบว่านักลงทุนคาดหวังนโยบายภาครัฐและภาวะเศรษฐกิจในประเทศ เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุน ขณะที่ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศเป็นปัจจัยฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด"
ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือนตุลาคม 2562 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้
- ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ธันวาคม 2562) อยู่ในเกณฑ์ "ทรงตัว" (Neutral) (ช่วงค่าดัชนี 80 - 119) โดยเพิ่มขึ้น 8.64% มาอยู่ที่ระดับ 111.62
- ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นอยู่ใน Zone ทรงตัว (Neutral) เช่นเดิม
- ดัชนีความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศลดลงเล็กน้อยอยู่ใน Zone ร้อนแรง (Bullish) เช่นเดิม
- ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนรายบุคคลเพิ่มขึ้นมาอยู่ใน Zone ทรงตัว (Neutral)
- ดัชนีความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ใน Zone ทรงตัว (Neutral)
- หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค (ENERG)
- หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดธุรกิจเหล็ก (STEEL) -
- ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ นโยบายภาครัฐ
- ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
"ผลสำรวจ ณ เดือนกันยายน ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ในเกณฑ์ทรงตัวเป็นเดือนที่สอง โดยกลุ่มบัญชีนักลงทุนรายบุคคลฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ในเกณฑ์ทรงตัวจากเกณฑ์ซบเซาในเดือนก่อน กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศและกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นอยู่ที่เกณฑ์ทรงตัวเช่นเดิม ขณะที่กลุ่มนักลงทุนต่างประเทศลดลงเล็กน้อยอยู่ที่เกณฑ์ร้อนแรงเช่นเดิม
ในช่วงเดือนกันยายน ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับตัวเคลื่อนไหวทรงตัวในทิศทางลดลงเล็กน้อยจากระดับ 1654 จุด โดยดัชนีทยอยปรับตัวลดลงในช่วงครึ่งเดือนหลัง ภายหลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐลง 0.25% แต่ไม่ส่งสัญญาณความต่อเนื่องของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้ดัชนีฯเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 1630 จุด ในช่วงปลายเดือน โดยทิศทางการลงทุน ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุดคือความเชื่อมั่นในปัจจัยในประเทศจากความคาดหวังนโยบายภาครัฐที่ทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รองลงมาคือภาวะเศรษฐกิจในประเทศและการไหลเข้าออกของเงินทุน เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่น อย่างไรก็ตามนักลงทุนมีความกังวลปัจจัยต่างประเทศจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ส่อว่าจะมีความยืดเยื้อไม่แน่นอน แม้ว่าทิศทางการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะคลี่คลายลงในช่วงนี้ก็ตาม เป็นปัจจัยฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด รองลงมาคือกังวลผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจในภูมิภาคและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน สำหรับปัจจัยทางเศรษฐกิจโลกที่ต้องติดตามได้แก่ ความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่จะมีขึ้นในช่วงต้นเดือนต.ค. แนวโน้มการพิจารณา BREXIT ภายหลังศาลสูงของอังกฤษตัดสินให้เปิดการประชุมสภาทำให้ลดความเสี่ยงการพิจารณา No-Deal BREXIT ภายในวันที่ 31ต.ค.62 ทิศทางความต่อเนื่องของนโยบายผ่อนคลายเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐภายหลังลดดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 2 ในรอบปี รวมถึงนโยบายของอียูที่ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายและออกมาตรการ QE เพิ่มเติม ขณะที่นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศของภาครัฐ การพิจารณาร่างพรบ.งบประมาณและมุมมองอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะข้างหน้า เป็นปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม"