กรุงเทพฯ--7 ต.ค.--ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป
- ตอกย้ำมุ่งมั่นสู่การมีสัดส่วนผู้บริหารชาย-หญิง 50/50 ในทุกระดับ
- ภาคธุรกิจและภาคสังคมจะได้ประโยชน์จากการที่มีผู้หญิงทำงานในองค์กร
- ไทยยูเนี่ยนได้เปิดตัวนโยบายความหลากหลายในปี 2561 โดยเน้นประเด็นความเท่าเทียมทางเพศ และนับเป็นส่วนหนึ่งของภาพรวมเรื่องการยอมรับความแตกต่าง
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำความมุ่งมั่นในเรื่องความเท่าเทียมทางเพศในการดำเนินงานของบริษัท ด้วยนโยบายความหลายหลากที่ดูแลเรื่องความเท่าเทียมให้ผู้หญิงในที่ทำงาน ด้วยความเชื่อมันว่านโยบายดังกล่าวมีประโยชน์อย่างยิ่งในการดำเนินธุรกิจ
ความไม่สมดุลย์ระหว่างผู้ปฏิบัติงานชาย-หญิงในอุตสาหกรรมอาหารทะเลยังคงเป็นประเด็นเรื่อยมา ไทยยูเนี่ยนจึงมีความพยายามที่จะให้มีสัดส่วนผู้บริหารชาย-หญิงในทุกระดับในจำนวนเท่าๆ กัน และนี่คือสิ่งที่ ดร.แดเรี่ยน แมคเบน ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมกิจการองค์กรและความยั่งยืน กล่าวในงาน ELEVATE CSR เอเชียซัมมิท
"การให้ผู้หญิงมีส่วนร่วมในคณะทำงานจะทำให้เกิดประโยชน์ไม่เฉพาะกับธุรกิจที่ผู้หญิงจะนำความรู้ความสามารถเข้ามาทำงานในทุกระดับแล้ว แต่ยังรวมถึงสังคมในวงกว้าง ในแง่ของรายได้ที่เพิ่มขึ้นของครอบครัวซึ่งมีส่วนสำคัญกับการศึกษาของเด็กๆ ในบ้าน สิ่งที่สำคัญคือการเปิดทางสู่สภาพการทำงานที่ดี ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม" ดร.แดเรี่ยนกล่าวในการสัมมนาในหัวข้อ "มากกว่านโยบายและเป้าหมาย: ก้าวต่อไปของความเท่าเทียมกันทางเพศคืออะไร"
"ไทยยูเนี่ยนมีกลุ่มฐานลูกค้าที่หลากหลาย ดังนั้นการมีทีมทำงานที่หลากหลายจะช่วยให้บริษัทเข้าใจตลาดกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น"
ไทยยูเนี่ยนยังได้เปิดตัวนโยบายความหลากหลายเมื่อปีที่ผ่านมา โดยเนื้อหาส่วนหนึ่งเป็นเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ ที่เกิดจากการที่ไทยยูเนี่ยนมีผู้หญิงทำงานในบริษัทเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงในห่วงโซ่อุปทานของบริษัท
ในการประชุมโต๊ะกลมภายในงาน ดร.แดเรี่ยนยังกล่าวเกี่ยวกับสิทธิของเด็กในภาคเกษตรกรรม ในแง่มุมของนโยบายความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยนหรือ SeaChange(R) ที่บริษัทได้เปลี่ยนแปลงเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีเด็กทำงานในห่วงโซ่อุปทาน
ในปี 2548 ไทยยูเนี่ยนได้กำหนดกำหนดจรรยาบรรณธุรกิจและแนวปฏิบัติด้านแรงงานที่เข้มงวด โดยเกิดจาก พันธสัญญา 12 ประการ ที่จะช่วยผลักดันวัฒนธรรมความซื่อสัตย์ และเป็นแนวทางเดียวกับข้อตกลงแห่งสหประชาชาติ ว่าด้วยสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ แนวปฏิบัติได้ระบุชัดเจนว่าห้ามใช้แรงงานเด็กทั้งในการดำเนินงานของบริษัทและในห่วงโซ่อุปทาน
ไทยยูเนี่ยนยังดูแลเด็กๆ ในชุมชนที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่ ผ่านโครงการและกิจกรรมต่างๆ เช่น การตรวจสุภาพ กิจกรรมให้ความรู้เรื่องสารอาหาร ตลอดจนเสริมสร้างทักษะและความรู้ อาทิ การปฏิบัติตนขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้ คลินิกฟุตบอล และการถ่ายภาพ ในปีนี้ ไทยยูเนี่ยนได้เปิดศูนย์เตรียมความพร้อมเด็กก่อนวัยเรียนไทยยูเนี่ยนแห่งที่ 4 ในจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อช่วยเหลือเด็กในครอบครัวแรงงานอพยพ ให้ได้เรียนภาษาและวัฒนธรรมไทย ก่อนเข้าระบบการศึกษาไทย ซึ่งศูนย์เตรียมความพร้อมเด็กก่อนวัยเรียนไทยยูเนี่ยนนี้ ไม่เพียงแต่มอบการศึกษาขั้นพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังให้ความอุ่นใจว่าเยาวชนเหล่านี้จะปลอดภัยในระหว่างที่ผู้ปกครองออกไปทำงานระหว่างวัน
เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลากว่า 40 ปี
วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าบรรจุภาชนะชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 133.3 แสนล้านบาท (4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 47,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน
ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Ruegen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่
จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange(R) และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด ทำให้ในปี 2561 และ 2562 ไทยยูเนี่ยนได้เป็นผู้นำอันดับ 1 กลุ่มอุตสาหกรรมของโลกใน Food Industry ในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ และประสบความสำเร็จในการได้รับคะแนนเปอร์เซ็นไทล์สูงสุดที่ 100 ในคะแนนด้านความยั่งยืนทั้งหมด ปัจจุบันไทยยูเนี่ยนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index ในปี 2561 อีกด้วย