กรุงเทพฯ--8 ต.ค.--กรมส่งเสริมสหกรณ์
ความไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ การใช้จ่ายพอประมาณ และการร่วมมือร่วมใจกันช่วยเหลือพึ่งพากันในหมู่มวลสมาชิกของสหกรณ์ เป็นแนวนโยบายสำคัญของสหกรณ์ออมทรัพย์ในโรงพยาบาลประจำจังหวัดเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง จากจุดเริ่มต้นจนมาถึงวันแห่งความสำเร็จได้สร้างชื่อเสียงและได้รับความชื่นชมจากคนในแวดวงสหกรณ์ที่มีต่อ สหกรณ์ออมทรัพย์โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ จำกัด ในฐานะองค์กรที่ได้รับรางวัลการขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในสหกรณ์ ประเภทสหกรณ์นอกภาคการเกษตร ปี 2562 จากกรมส่งเสริมสหกรณ์
นายแพทย์สมอาจ ตั้งเจริญ ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ จำกัด กล่าวว่า รางวัลสหกรณ์ดีเด่นในการขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ที่ได้รับครั้งนี้ เป็นเครื่องหมายยืนยันถึงการทำหน้าที่ของสหกรณ์ที่มีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของสมาชิก ซึ่งในการพิจารณาคัดเลือกได้เฟ้นหาสหกรณ์ที่เป็นแบบอย่างในการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาใช้เป็นแนวทางในการดูแลคุณภาพชีวิตและแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับสมาชิก ซึ่งเป็นบุคลากรของโรงพยาบาล มีทั้งเจ้าหน้าที่และพนักงานทุกระดับ ส่วนใหญ่ยังมีรายได้หลักจากเงินเดือน ซึ่งบางรายไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายในครอบครัว ทำให้เกิดการกู้หนี้ยืมสินทั้งหนี้ในระบบและนอกระบบ ก่อนหน้านี้สมาชิกสหกรณ์กว่า 70% มีหนี้เงินกู้กับสหกรณ์ จนกระทั่งได้มีโอกาสเข้ามารับตำแหน่งประธานสหกรณ์ในปี 2558 จึงประชุมกับคณะกรรมการสหกรณ์ หาแนวทางช่วยปลดหนี้ให้กับสมาชิก และทุกคนเห็นตรงกันคือต้องช่วยให้สมาชิกมีรายได้เพิ่ม ภายใต้การช่วยเหลือและสนับสนุนจากสหกรณ์
"หลักในการบริหารสหกรณ์ จะใช้ความเข้มแข็งแต่ยืดหยุ่น คือ ยึดหลักการ ระเบียบ กฏหมาย แต่พร้อมจะเปิดรับฟังความเห็นจากสมาชิก เพื่อจะได้ช่วยสมาชิกแก้ไขปัญหาให้เหมาะสมกับวิถีชีวิตและนิสัยของแต่ละคน เช่นการช่วยหาแนวทางเพิ่มรายได้และบรรเทาเรื่อหนี้สิน ระหว่างนั้นสหกรณ์ต้องเพิ่มความเข้มแข็งและภูมิคุ้มกันกับสมาชิก โดยการอบรมและให้ความรู้เพื่อให้รู้จักวางแผนการใช้จ่ายและเสริมสร้างวินัยทางการเงิน"
โครงการสำคัญที่สหกรณ์ได้นำมาใช้เพื่อช่วยเหลือสมาชิกให้มีรายได้ คือ โครงการเพื่อนช่วยเพื่อนเพื่อชีวิตมีสุข เริ่มดำเนินการเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2558 เปิดโอกาสให้สมาชิกขอกู้เงินจากสหกรณ์ไปเป็นทุนประกอบอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ โดยจะปล่อยสินเชื่อให้สมาชิกรายละไม่เกิน 5 หมื่นบาท ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษร้อยละ 5.50 ต่อปี กำหนดชำระคืนเงินกู้ 36 งวด โดยสมาชิกต้องเขียนโครงการที่ต้องการจะทำเสนอเข้ามาให้กรรมการพิจารณา โดยคณะกรรมการสหกรณ์จะร่วมกันพิจารณาว่า โครงการที่สมาชิกเสนอมานั้น สามารถทำได้จริงหรือไม่ และมีโอกาสสร้างรายได้หรือไม่ เพื่อช่วยให้สมาชิกสามารถทำอาชีพที่จะช่วยสร้างรายได้จริง มีหลายอาชีพที่สมาชิกเสนอขอกู้เงินเป็นทุนประกอบอาชีพ เช่น เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ทำขนมหรือกับข้าวขายในโรงอาหารของโรงพยาบาล เป็นต้น เริ่มแรกมีสมาชิกสนใจกู้ไปประกอบอาชีพเสริม 21 ราย ซึ่งเมื่อโครงการเริ่มไประยะหนึ่ง พบว่าอาชีพเสริมสามารถเพิ่มรายได้ให้กับสมาชิกได้จริง เนื่องจากสมาชิกไม่มาขอกู้วนซ้ำมีจำนวน 12 ราย และสามารถชำระหนี้ได้ก่อนกำหนด 5 ราย ต่อมาในปี 61 สมาชิกขอกู้อีก 41 ราย และไม่มีการกู้ซ้ำ 39 ราย มีสมาชิกสามารถส่งชำระหนี้ได้ ก่อนกำหนด 1 ราย
"โครงการนี้ผมเริ่มทำมา 4 ปี ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งประธานสหกรณ์ เมื่อปล่อยกู้ให้สมาชิกไปประกอบอาชีพเสริมแล้ว จะมีกรรมการลงไปติดตามผลเป็นระยะ ว่าสมาชิกกู้ไปทำจริงหรือไม่ มีรายได้เพิ่มต่อเดือนเท่าไหร่และมีความก้าวหน้าอย่างไร หรือยังต้องมีอะไรช่วยสนับสนุนเพิ่มเติมหรือไม่ ไม่ใช่ให้เงินกู้ไปแล้วก็ปล่อยไปไม่สนใจ เพราะหากทำอย่างนั้นเกรงว่าสมาชิกจะเอาเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ และเมื่อผลออกมาว่าสมาชิกมาขอกู้วนซ้ำน้อยลง บางคนสามารถส่งชำระหนี้คืนได้ก่อนกำหนด แสดงว่าเมื่อสมาชิกมีรายได้เพิ่ม เงินพอใช้ในครัวเรือน เขาก็ไม่อยากไปสร้างหนี้สิน ขณะเดียวกันเราก็ต้องสร้างภูมิคุ้มทางการเงินให้สมาชิกด้วย เพื่อไม่ให้สมาชิกกลับไปไปเป็นหนี้นอกระบบ โครงการนี้ได้รับการชื่นชมอย่างมากในวงการสหกรณ์ และทางชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย (ชสอ.) ได้มาดูงานและจะนำรูปแบบนี้ไปขยายผลในสหกรณ์ออมทรัพย์ทั่วประเทศ เนื่องจากทำแล้วเห็นผลจริง สามารถแก้ปัญหาหนี้สินให้สมาชิกได้ โดยตัววัดผลสำคัญ คือ สมาชิกไม่มาขอกู้วนซ้ำ และขอกู้น้อยลง"
นอกจากนี้ สหกรณ์ยังมีโครงการสร้างภูมิคุ้มกันระดับสมาชิกด้วย เพราะเห็นว่า สมาชิกแต่ละราย เมื่อเกษียณไปแล้วไม่มีเงินออมจะลำบาก จึงได้โครงการช่วยเหลือ 2 โครงการ คือ
1.โครงการเงินออมทรัพย์เกษียณสุข ให้สมาชิกที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปี และอยู่จนครบเกษียณอายุ 60 ปี ให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากร้อยละ 3 และกรณีฝากงเงินกับสหกรณ์ต่อเนื่องจนครบโครงการ สหกรณ์จะสมทบดอกเบี้ยให้เท่ากับที่สมาชิกได้รับ ซึ่งแต่ละเดือนสหกรณ์ จะหักเงินฝากผ่านบัญชีเงินได้รายเดือนทุกเดือนตั้งแต่ 100 บาทแต่ไม่เกิน 1,000 บาท กรณีถอนก่อนครบกำหนดหรือปิดบัญชีสมาชิกจะได้ดอกเบี้ย 2.50 บาท ทั้งนี้ พบว่ามีสมาชิกสนใจเข้าสมัครต่อเนื่องทุกปี โดยปี 2560 สมาชิกที่อายุใกล้เกษียณสมัครเข้าโครงการ 20 ราย ปี 2561 สมัครเข้าโครงการ 49 ราย และปี 2562 สมัครเพิ่มอีก 65 ราย
2.โครงการเงินรับฝากออมทรัพย์เกษียณมั่นคง โครงการพัฒนาชีวิตด้วยการออมสำหรับสมาชิกที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป เมื่อฝากครบ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.75 ต่อปี สมาชิกที่อยู่ครบโครงการ สหกรณ์จะสมทบดอกเบี้ยให้เท่ากับที่สมาชิกได้รับ โดยสหกรณ์จะหักเงินฝากผ่านบัญชีเงินได้ทุกเดือนตั้งแต่ 100 บาทไม่เกิน 1,000 บาท หากสมาชิกขอถอนเงินก่อนกำหนดจะได้ดอกเบี้ย 2.50 และโครงการนี้ก็พบว่าสมาชิกเพิ่มทุกปีเช่นกัน โดยปี 2560 มีสมาชิกสนใจเข้าโครงการ 10 คน ปี 2561 สมาชิกสมัครเพิ่มอีก 30 คน และปี 62 สมาชิกเข้าโครงการเพิ่ม 40 คน และในหลักการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับสหกรณ์นั้น ทางสหกรณ์ได้มีการทำโครงการระดมหุ้นจากสมาชิก ซึ่งในปี 2561 ได้เงินจากการถือหุ้นเพิ่มของสมาชิกกว่า 488 ล้านบาท และเป็นการถือหุ้นเพิ่มจากปี 2560 ที่มีอยู่เพียง 439 ล้านบาทเท่านั้น
"จากการทำโครงการเหล่านี้จนประสบผลสำเร็จ ส่งผลให้สหกรณ์ได้รับรางวัลสหกรณ์ดีเด่นแห่งชาติประเภทออมทรัพย์ ประจำปี 2561 และได้เข้ารับพระราชทานโล่รางวัลในงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ซึ่งสหกรณ์แห่งนี้จดทะเบียนเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2535 สมาชิกแรกตั้ง 300 คน ทุนดำเนินงานแรกเริ่มประมาณ 3 ล้านบาท ปัจจุบันมีสมาชิก 1,161 ราย ทุนดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป็น 1,243 ล้านบาท ทุนเรือนหุ้น 505 ล้านบาท ทุนสำรอง 63 ล้านบาท ปริมาณธุรกิจมูลค่า 1,711 ล้านบาท ธุรกิจสินเชื่อ 1,266 ล้านบาท ธุรกิจรับฝากเงินจากสมาชิก 445 ล้านบาท และมีกำไร 53 ล้านบาท
สหกรณ์ออมทรัพย์โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ในวันนี้ไม่ได้วัดความสำเร็จจากปริมาณธุรกิจที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังวัดได้จากดัชนีความสุขของสมาชิก มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีรายได้เพียงพอสำหรับดำรงชีวิต และไม่มีหนี้สินให้ต้องกังวล ทุกความสำเร็จที่เกิดขึ้นในวันนี้ เพราะการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย ทั้งคณะกรรมการสหกรณ์ ฝ่ายจัดการและ ตัวสมาชิกที่ได้ร่วมกันคิด ร่วมกันสร้าง ภายใต้หลักการ เพื่อนช่วยเพื่อนเพื่อชีวีมีสุข