กรุงเทพฯ--8 ต.ค.--บลจ.ทาลิส
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทาลิส จำกัด เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยรวมถึงตลาดหุ้นทั่วโลกเผชิญความผันผวนอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยกดดันสำคัญอย่างสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน รวมถึงกลุ่มประเทศในยุโรป นอกเหนือจากนั้นความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวลดลงต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นหรือ inverted yield curve ส่งผลให้เกิดความผันผวนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอย่างมาก อย่างไรก็ตามในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา จากการเปิดเผยของ Morningstar Thailand ถึงผลตอบแทนของกลุ่มกองทุน Equity Large Cap พบว่าผลตอบแทนของกองทุนหุ้น (ตั้งแต่ต้นปี – 30 ก.ย. 2562 YTD) ภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.ทาลิส ติด 3 ใน 5 อันดับแรก ดังนี้
กองทุนเปิดทาลิส DIVIDEND STOCK หุ้นทุนปันผล (TLDIVEQ-D) มีผลตอบแทนเป็นอันดับ 1 มีนโยบายลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ/หรือ MAI ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี รวมถึงมีแนวโน้มที่จ่ายเงินปันผลตามหลักเกณฑ์คัดเลือกที่บริษัทจัดการกำหนด โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
กองทุนเปิดทาลิส หุ้นระยะยาว (TLLTFEQ) มีผลตอบแทนเป็นอันดับที่ 4 มีนโยบายการลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และ/หรือ MAI ตราสารทุน หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) ที่อ้างอิงกับผลตอบแทนของหุ้นหรือกลุ่มหุ้นของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกหลักทรัพย์ที่ผู้จัดการกองทุนได้กำหนดไว้ในสัดส่วนที่เหมาะสม โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
กองทุนเปิดทาลิส DIVIDEND STOCK หุ้นระยะยาวปันผล (TLDIVLTF -D) มีผลตอบแทนเป็นอันดับที่ 5 มีนโยบายลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และ/หรือ MAI ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี รวมถึงมีแนวโน้มที่จ่ายเงินปันผลตามหลักเกณฑ์คัดเลือกที่บริษัทจัดการกำหนด โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ในขณะที่กองทุนเปิดทาลิส MID-SMALL CAP หุ้นทุน (TLMSEQ) ติดอันดับกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด ตั้งแต่ต้นปี – 30 ก.ย. 2562 YTDเป็นอันดับที่ 3 ของกลุ่ม Equity Small/Mid-Cap ภายใต้นโยบายลงทุนในตราสารทุนของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และ/ หรือ MAI ที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีแนวโน้มการเจริญเติบโตทางธุรกิจ โดยเป็นไปในลักษณะที่ส่งผลให้ กองทุนมี net exposure ในตราสารทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
"การที่ผลตอบแทนกองทุนหุ้นของ บลจ.ทาลิส สามารถทำผลตอบแทนอยู่ในอันดับต้นของกลุ่มนั้น สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ในการบริหารที่เหมาะสมภายใต้สภาวะตลาดที่ผันผวน ซึ่งบลจ.ทาลิส จะยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ลงทุนต่อไป และจะเห็นได้ว่าใน 5 อันดับของผลตอบแทนที่ดีมี LTF ติดอยู่ด้วย ก็น่าจะเป็นโอกาสที่ดีให้กับคนที่กำลังมองหาเรื่องลดหย่อนภาษีที่เป็นไปตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร" นายฉัตรพีกล่าว ทั้งนี้ การลงทุนในกองทุนรวมตราสารแห่งทุนอาจมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-015-0222 / www.talisam.co.th