กรุงเทพฯ--26 ก.พ.--สตาร์ ซานิทารีแวร์
STAR โชว์ผลงานปี 2550 ยอดเยี่ยมมีกำไรสุทธิ 15.45 ลบ.เพิ่มขึ้น 45.60% จากปีก่อนที่ทำได้ 10.61 ลบ. คุยเป็นผลจากยอดขายตลาดต่างประเทศขยายตัว หนุนมาร์จิ้นทะลุ 45% ดันกำไรเพิ่มในทิศทางเดียวกัน "ดร.สมชัย ว่องอรุณ" เผยปีนี้เตรียมขยายแนวรบรุกตลาดในประเทศหนักหน่วงมากขึ้น ควบคู่กับแผนบุกตลาดนอก หลังปัจจัยทางการเมืองชัดวงจรธุรกิจเริ่มขับเคลื่อนรอบใหม่ มั่นใจปั๊มรายได้โต 10% ได้สำเร็จ
ดร.สมชัย ว่องอรุณ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.สตาร์ ซานิทารีแวร์ (STAR) เปิดเผยถึงผลประกอบประจำปี 2550 ว่า มีกำไรสุทธิ 15.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ที่มีกำไร 10.61 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัว 45.60% โดยในปี 2550 บริษัทสามารถทำยอดขายได้ 219.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.84 ล้านบาท หรือ 4.19% จากปี 2549 ที่มีรายได้ 211.11 ล้านบาท โดยยอดขายต่างประเทศเพิ่มขึ้น 25.85 ล้านบาท หรือ 17.70% ทำให้สามารถชดเชยยอดขายในประเทศที่ลดลงจากการที่ที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ และการเพิ่มขึ้นของยอดขายจากตลาดต่างประเทศ สนับสนุนให้กำไรขั้นต้นของ STAR สูงขึ้นจาก 40.87% เป็น 45.92% ส่งผลให้กำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้นเกินกว่า 45% ดังกล่าว
"จะเห็นได้ว่าในปีนี้ แม้ว่ายอดขายในประเทศของเราได้รับผลกระทบจากปัญหาธุรกิจสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว จากผลกระทบของเศรษฐกิจที่ยังถดถอยอยู่ แต่เนื่องจากบริษัทฯ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า ทำให้ยอดขายต่างประเทศซึ่งมาร์จิ้นค่อนข้างสูงเติบโตขึ้นมาก จากผลดังกล่าวทำให้ผลประกอบการเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นถึงกว่า 45%"
ดร.สมชัยกล่าวอีกว่า แม้ในปี 2550 รายได้จากตลาดในประเทศได้ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่จากปัจจัยทางการเมืองชัดเจนมากขึ้น รัฐบาลชุดใหม่เริ่มขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามนโยบายที่วางไว้ เชื่อว่าจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นในการลงทุนของภาคเอกชนให้กลับคืนมา และทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้จ่ายเงินเป็นปกติอีกครั้ง ดังนั้น เพื่อตอบรับกับโอกาสทางธุรกิจดังกล่าว ในปีนี้บริษัทฯจึงได้ปรับทิศทางการขยายธุรกิจใหม่ โดยหันมาเพิ่มความสำคัญกับตลาดภายในประเทศเพิ่มขึ้นควบคู่กับการขยายตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นตลาดหลักของ STAR
"ในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้วเรายังรักษาแผนการขยายธุรกิจแบบเดิม คือ เน้นตลาดต่างประเทศที่ระดับ 70% ส่วนในประเทศจะคงสัดส่วนไว้ที่ 30% เพราะตลาดในประเทศกำลังซื้อยังไม่น่าพอใจนัก โดยปีนี้ได้ปรับแผนการขยายธุรกิจใหม่ หันมาบุกตลาดในประเทศชัดเจนขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเมืองเริ่มชัดเจน รัฐบาลเดินหน้าอัดฉีดงานลงสู่ระบบ เรียกความมั่นใจในการลงทุนของภาคเอกชนกลับคืนมาอีกครั้ง ซึ่งเชื่อว่าธุรกิจต่างๆ จะเริ่มมีกิจกรรมคึกคักมากขึ้น STAR จึงถือโอกาสนี้ เน้นสร้างรายได้เพิ่มด้วยการจำหน่ายสินค้าระดับกลางบนเพิ่มขึ้น และในเวลาเดียวกันเพิ่มการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้เป้าหมายมากขึ้น"
ในส่วนของตลาดต่างประเทศ บริษัทฯ ยังเดินหน้าเพิ่มกลุ่มลูกค้ารายใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมหาออเดอร์รองรับกับเป้าหมายการเติบโตในปีถัดไป เนื่องจากสินค้าสุขภัณฑ์เป็นสินค้าที่ต้องใช้ระยะเวลาในการพัฒนาเริ่มต้นก่อนการผลิตและส่งมอบให้กับลูกค้า โดยขั้นต่ำจะอยู่ที่ 6 เดือน - 1 ปี หลังจากได้รับคำสั่งซื้อ ดังนั้นการหาออเดอร์ล่วงหน้าจึงเป็นสิ่งจำเป็น และที่ผ่านมาการเติบโตของตลาดส่งออกยังอยู่ในระดับที่ดี เนื่องจากตลาดหลักของ STAR จะอยู่ในโซนยุโรป ที่มีปัญหาทางด้านเศรษฐกิจน้อยมาก
เขากล่าวต่อในช่วงท้ายว่า การมุ่งขยายธุรกิจทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่องในปีนี้ เชื่อว่าจะทำให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ยังสามารถเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาได้ โดยคาดว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีที่ผ่านมา ในขณะที่สัดส่วนจากรายได้ในประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น40% และตลาดส่งออกมีสัดส่วนอยู่ที่ 60% จากปี 2550 ที่รายได้จากตลาดในประเทศอยู่ที่ระดับ 20% และรายได้จากการส่งออกอยู่ที่ 80% ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตลาดในประเทศเพิ่มขึ้นดังกล่าว
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:
ลฎาภา โรจน์ทนง 089-2057400 / 02-5549395