กรุงเทพฯ--11 ต.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสานหน่วยปฏิบัติในพื้นที่เตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนัก และลมกระโชกแรง ในช่วงวันที่ 12 - 15 ตุลาคม 2562 โดยให้ศูนย์ ปภ.เขตในพื้นที่ร่วมกับจังหวัดติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และแนวโน้มสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ เครื่องจักรกลสาธารณภัยและเครื่องมืออุปกรณ์เข้าประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนให้ติดตามพยากรณ์อากาศ และปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาพอากาศ และ ปัจจัยเสี่ยงเชิงพื้นที่ รวมถึงตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากสาธารณรัฐประชาชนจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้มีสภาวะอากาศแปรปรวน เกิดฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง และอุณหภูมิลดลง ในช่วงวันที 12 - 15 ตุลาคม 2562 โดยจะมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงในระยะแรก จากนั้นฝนจะลดลง ในบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิลดลง 2 – 3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนัก คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง คลื่นสูง 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ทั้งนี้ กอปภ.ก. ได้ประสานศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตทุกเขต และทุกจังหวัด เตรียมพร้อมป้องกันและรับมือสถานการณ์ภัย โดยกำชับให้ดำเนินการตามมาตรการและแนวทางการปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน ระดับน้ำ และแนวโน้มสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง ควบคู่กับการจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์เข้าประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที พร้อมแจ้งเตือนประชาชนระวังอันตรายจากลมกระโชกแรง ฝนฟ้าคะนอง ฝนตกหนัก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำและพื้นที่ลาดเชิงเขา ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขัง น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก ตลอดจนขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามพยากรณ์อากาศ และปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป