กรุงเทพฯ--11 ต.ค.--24 คูณ 7
กลุ่มบริษัทไทยแสง จันทบุรี โลจิสติกส์ มั่นใจใช้วอลโว่ ทรัคส์ รับขนส่งผลไม้ไทย-จีนโตก้าวกระโดด
- สั่งวอลโว่ ทรัคส์ จำนวน 41 คัน รองรับธุรกิจขยายตัว
- ย้ำตลาดส่งออกผลไม้ไทยไปจีนโต 200 – 300% ตลอดหลายปีที่ผ่านมา คาดปีนี้จะโตอีกไม่ต่ำกว่า 100%
- ส่งออกผลไม้ไทยรับอานิสงส์จากสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ ทำให้ธุรกิจโตอย่างต่อเนื่อง
บริษัท เจียงไห่ คุนมั่น อินเตอร์เฟรท ทรานสปอร์ต จำกัด หนึ่งในกลุ่มบริษัท ไทยแสง จันทบุรี โลจิสติกส์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการงานโลจิสติกส์ชั้นนำ เดินหน้าสั่งซื้อรถวอลโว่ ทรัคส์ ล๊อตใหญ่เพื่อรองรับการเติบโตขององค์กรที่ได้รับอานิสงส์จากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนกับประเทศสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้คำสั่งซื้อสินค้าทางการเกษตรจากประเทศไทยไปยังประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
นายสมหวัง กันยาปรีดากุล กรรมการผู้จัดการ บ.เจียงไห่คุนมั่นฯ เปิดเผยว่าจากการลงทุนสั่งซื้อรถบรรทุกเพิ่มดังกล่าวเป็นการยืนยันความเชื่อมั่นในธุรกิจขนส่งสินค้าการเกษตรระหว่างประเทศจีนกับประเทศไทยของบริษัท ซึ่งปีที่แล้ว ธุรกิจการขนส่งของบริษัทพุ่งสูงถึง 200% และคาดว่าปีนี้ธุรกิจจะยังคงเติบโตต่อเนื่องอีกไม่ต่ำกว่า 100%
นอกจากนี้ นายสมหวังยังกล่าวเพิ่มว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศจีนกับประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้รัฐบาลจีนมีนโยบายลดการนำเข้าสินค้าทางการเกษตรบางชนิดจากประเทศเวียดนาม ซึ่งถือเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกา จึงทำให้ความต้องการสินค้าทางการเกษตรจากประเทศไทยเป็นที่ต้องการมากขึ้นในประเทศจีน "จากปัจจัยเหล่านี้ ทำให้ธุรกิจของเราในประเทศไทยเติบโตอย่างรวดเร็วและยังจะเติบโตต่อเนื่องในปีนี้และในอนาคต" นายสมหวัง กล่าว
บริษัทไทยแสงจันทบุรี โลจิสติกส์ ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2556 โดยดำเนินกิจการขนส่งสินค้าทางการเกษตรระหว่างประเทศไทยกับประเทศจีน โดยสินค้าที่ส่งออกจากประเทศไทยไปยังประเทศจีนคือ ผลไม้สด อาทิเช่น ทุเรียน มังคุด ลำไย ขนุน กล้วยไข่ และมะพร้าว เป็นต้น โดยสินค้าเหล่านี้มีแหล่งผลิตกระจายไปทั่วประเทศไทย ขณะที่พืชผลทางการเกษตรที่ส่งจากประเทศจีนมายังประเทศไทยคือผักและผลไม้สด อาทิเช่น ส้ม องุ่น ลูกพับ แอปเปิ้ลและผักทุกชนิด โดยมีการขนส่งไป-กลับทุกวัน ไม่ต่ำกว่าวันละ 20-30 ตู้คอนเทนเนอร์
นายสมหวังกล่าวว่าจากความต้องการพืชผลทางการเกษตรที่เพิ่มสูงขึ้นจากทั้งสองประเทศ ทำให้ความต้องการใช้บริการขนส่งเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ด้วยเหตุนี้ บ.เจียงไห่คุนมั่นฯจึงตัดสินใจสั่งซื้อรถวอลโว่ ทรัคส์ เพิ่มอีก 41 คัน โดยครั้งนี้ทางบริษัทได้ทำการสั่งซื้อ 2 รุ่นได้แก่ Volvo FH13 400 แรงม้า และ Volvo FM13 400 แรงม้า ซึ่งปัจจุบันบริษัทของเรามีจำนวนรถบรรทุก รวมเป็น175คัน
"เราตัดสินใจสั่งซื้อรถวอลโว่ ทรัคส์ ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกเพราะเราได้ศึกษาเทคโนโลยีของรถวอลโว่ ทรัคส์ มาระยะหนึ่งแล้ว จนเรามั่นใจว่ารถวอลโว่ ทรัคส์ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของเราที่ต้องการใช้รถเพื่อการขนส่งระยะไกล ด้วยต้นทุนการบริหารจัดการที่ต่ำ สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ ซึ่งราคางานบริการที่เราเสนอกับลูกค้า เราอยู่ในระดับแนวหน้าที่ลูกค้ายอมรับได้" นายสมหวัง กล่าว
นายสมหวังกล่าวว่าเส้นทางขนส่งสินค้าจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน เป็นเส้นทางประจำโดยผ่านด่านศุลกากรเชียงของ จังหวัดเชียงราย ข้ามไปยังประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่ด้านห้วยทราย จากนั้นก็จะใช้เส้นทาง R3A มุ่งสู่ชายแดนจีนที่ด่านบ่อเต็นและทำการขนถ่ายสินค้าใส่รถบรรทุกจีนณ.บริเวณนั้น
"ผมมั่นใจว่าคุณภาพของรถวอลโว่ ทรัคส์ สามารถรองรับกับการใช้งานที่หนัก และขนส่งระยะทางไกลจากประเทศไทยไปยังชายแดนประเทศจีนนั้น และสามารถวิ่งงานได้อย่างต่อเนื่อง" นายสมหวัง กล่าว
นายสมหวัง กล่าวว่าบริษัท มีความเชื่อมั่นว่าธุรกิจขนส่งจากประเทศไทยไปยังประเทศจีนจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหากเมื่อโครงการยุทธศาสตร์พัฒนาภายใต้ชื่อ "One Belt One Road" ที่รัฐบาลจีนผลักดันให้เกิดขึ้นเพื่อขยายเส้นทางการค้า การคมนาคมขนส่งข้ามแดน โดยประเทศไทยจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาดังกล่าว ซึ่งหากการพัฒนาสำเร็จ จะทำให้เส้นทางขนส่งไปยังประเทศจีนและประเทศอื่นๆ สามารถทำได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้นจากระบบถนนที่ได้มาตรฐานสากลในทุกประเทศที่เข้าร่วม
"สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะย้ำก็คือบริษัท มีความภูมิใจอย่างมากที่เราเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกษตรกรชาวไทยมีรายได้เพิ่มขึ้นจากราคาพืชผลที่เราส่งไปยังประเทศจีน ขณะเดียวกัน เราก็มีส่วนช่วยให้ผู้บริโภคชาวไทยมีผักและผลไม้ที่สดจากประเทศจีนมาขายในประเทศไทยในราคาที่ไม่แพง" นายสมหวัง กล่าว