กรุงเทพฯ--15 ต.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานอิทธิพลพายุโซนร้อน"โพดุล" และพายุโซนร้อน "คาจิกิ" ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. 62 จนถึงปัจจุบัน (12 ต.ค. 62เวลา 06.00 น.) ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัยในพื้นที่ 32 จังหวัด 184 อำเภอ 836 ตำบล 7,293 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ419,988 ครัวเรือน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 35,006 หลัง ผู้เสียชีวิต 39ราย ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี 2 อำเภอ 2 เทศบาล 8 ชุมชน ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับจังหวัดหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลังเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขังรวมถึงดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ประสบภัยเป็นหลักอีกทั้งสำรวจความเสียหายครอบคลุมทุกด้าน เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) เปิดเผยว่า อิทธิพลพายุโซนร้อน"โพดุล" และพายุโซนร้อน "คาจิกิ"ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรงตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2562 จนถึงปัจจุบัน (12 ต.ค. 62 เวลา 06.00 น.)ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินสไลด์ รวม 32 จังหวัด ได้แก่ภาคเหนือ 10 จังหวัด ได้แก่ แพร่ เชียงใหม่ เพชรบูรณ์ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลกพิจิตร แม่ฮ่องสอน ลำปาง และสุโขทัย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 16 จังหวัด ได้แก่นครพนม ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี อำนาจเจริญ มหาสารคาม ขอนแก่น หนองบัวลำภู ยโสธรกาฬสินธุ์ มุกดาหาร ชัยภูมิ สุรินทร์ อุดรธานี เลยศรีสะเกษ และสกลนคร ภาคตะวันออก3 จังหวัด ได้แก่ ปราจีนบุรี ตราด และสระแก้ว ภาคใต้ 3 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ระนอง และชุมพร รวม 184 อำเภอ 836 ตำบล 7,293 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ419,988 ครัวเรือน บ้านเรือนได้รับความเสียหาย 35,006 หลัง ผู้เสียชีวิต 39 ราย (ยโสธร 9 ราย ร้อยเอ็ด 6 ราย อุบลราชธานี 6 รายอำนาจเจริญ 5 ราย ขอนแก่น 3 ราย ศรีสะเกษ 4 ราย พิจิตร 2 ราย พิษณุโลก 1ราย มุกดาหาร 1 ราย สกลนคร 1 ราย น่าน 1 ราย)ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี 2 อำเภอ ได้แก่อำเภอเมืองอุบลราชธานี และอำเภอวารินชำราบ รวม 2 เทศบาล 8 ชุมชนส่วนอำเภออื่นๆ มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำทางการเกษตรบางพื้นที่ ทั้งนี้ ปภ.ได้ร่วมกับจังหวัดหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมเจ้าหน้าที่ วัสดุอุปกรณ์ ยานพาหนะและเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยและคลี่คลายสถานการณ์ภัยโดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำ รถสูบส่งน้ำระยะไกล เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขังรวมถึงแจกจ่ายอาหารปรุงสุกน้ำดื่ม และถุงยังชีพตามวงรอบอีกทั้งอำนวยความสะดวกในการขนย้ายสิ่งของและการเดินทางในพื้นน้ำท่วมขังรวมถึงให้บริการด้านสาธารณสุขครอบคลุมการดูแลสุขภาพและสภาพจิตใจ สำหรับจังหวัดที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้วให้เร่งสำรวจประเมินความต้องการการช่วยเหลือของผู้ประสบภัยพร้อมจัดทำบัญชีความเสียหายให้ครอบคลุมทุกด้านทั้งการประกอบอาชีพชีวิตความเป็นอยู่ ที่อยู่อาศัย พื้นที่การเกษตร ปศุสัตว์สาธารณูปโภค เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯตลอดจนซ่อมแซมและฟื้นฟูสิ่งสาธารณประโยชน์ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติโดยเร็วท้ายนี้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป