กรุงเทพฯ--26 ก.พ.--ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท
บิ๊ก SPPT ปลื้มไตรมาส 4/50 กำไรพุ่ง 88% เหตุขยายกำลังการผลิตเพิ่มหลังย้ายรง.ใหม่ -ประเมินอุตฯ HDD ในปีนี้ขยายตัว 14.8% ส่งผลบวกกับธุรกิจ
ผู้บริหาร SPPT ปลื้มผลประกอบการไตรมาส 4/50 ยอดขายขยายตัวไม่มากเพียง 17% แต่ในส่วนของกำไรสุทธิก้าวกระโดดเป็น 88% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/50 แจงเป็นผลจากการขยายกำลังการผลิตที่โรงงานแห่งใหม่ที่สิงห์บุรีซึ่งมีการใช้พื้นที่เพิ่มขึ้นจาก 30% เป็น 60% และปัญหาหลายๆอย่างที่โรงงานสิงห์บุรีได้รับการแก้ไขระดับหนึ่ง พร้อมประเมินแนวโน้มธุรกิจปี 2551 ยังเติบโตต่อเนื่อง ตามอุตสาหกรรม Hard Disk Disk ที่คาดขยายตัวประมาณ 14.8% และการขยายตัวของธุรกิจ Non Hard Disk โดยเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตและใช้พื้นที่ที่สิงห์บุรีให้ได้ที่ 90%
นายประพจน์ พลพิพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (SPPT) เปิดเผยถึงผลประกอบการในไตรมาส 4/2550 ว่ามียอดขายรวมเท่ากับ 207 ล้านบาท ขยายตัว 17% จากไตรมาส 3/2550 ที่มีรายได้รวม 176 ล้านบาท อย่างไรก็ตามในส่วนของกำไรสุทธิได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 88% หรือ 38.2 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 3/2550 ที่ทำได้ 20.3 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการประจำปี 2550 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 มีรายได้รวมจำนวน 702 ล้านบาท กำไรสุทธิรวม 95 ล้านบาท
สาเหตุที่ทำให้กำไรไตรมาส 4/2550 ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2550 เนื่องจาก SPPT ได้โยกย้ายเครื่องจักรจากโรงงานที่อยุธยาออกไปที่โรงงานแห่งใหม่ที่สิงห์บุรีเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้การใช้ประโยชน์พื้นที่ที่สิงห์บุรีเพิ่มขึ้นจากเดิม 30% ขยับขึ้นเป็น 60% และจะเพิ่มเป็น 80% ภายในไตรมาสแรกนี้ ส่วนพื้นที่ที่อยุธยาได้ใช้เพื่อรองรับธุรกิจ Non Hard Disk ซึ่งปัจจุบันได้ใช้พื้นที่ไปแล้ว 70% ทั้งนี้คาดว่าจะใช้พื้นที่เต็ม 100% ภายในไตรมาส 1/51เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมตลอดทั้งปี 2550 ผลประกอบการได้ปรับลดลง ซึ่งมีสาเหตุมาจาก SPPT มีค่าใช้จ่ายในการโยกย้ายเครื่องจักรในไตรมาส 2 และส่วนหนึ่งในไตรมาส 4 รวมทั้งต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเช่น บุคคลากร ค่าเสื่อมราคาโรงงานและโครงสร้างพื้นฐานโดยไม่ได้ใช้ประโยชน์เต็มที่ อีกทั้งยังประสบปัญหาเรื่อง ไฟดับ ไฟตกในช่วง ไตรมาส 2-3 ทำให้ไม่สามารถผลิตได้เต็มที่ และมีปัญหาเรื่องการสูญเสียที่เกิดขึ้น
“แม้ว่ารอบปีที่ผ่านมา SPPT จะประสบปัญหาในหลายๆ ด้าน แต่คณะผู้บริหารได้มีการแก้ไขและทำให้สถานการณ์คลี่คลายไปแล้ว ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าแนวโน้มของธุรกิจในปี 2551 จะมีการปรับตัวขึ้นมาได้อย่างโดดเด่นอีกครั้ง โดยเริ่มเห็นภาพชัดเจนตั้งไตรมาส 4/50 ซึ่งกำไรสุทธิโตแบบก้าวกระโดดเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 3/50 โดยในปีนี้คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวดีขึ้นโดยจะรักษาให้อยู่ที่ระดับ 17-18% โดยการเพิ่มกำลังการผลิตและการใช้พื้นที่ที่สิงห์บุรี ให้ได้ที่ 90% และขยายธุรกิจในส่วนของ Non Hard Disk ที่โรงงานอยุธยามากขึ้น”
นอกจากนี้ ได้ประเมินภาพรวมของอุตสาหกรรม Hard Disk Disk (HDD) คาดว่ายังจะมีการขยายตัวที่ดีต่อเนื่อง โดยปี 2550 มีอัตราการเติบโตประมาณ 15.2% และคาดว่าปี 2551 จะเติบโตประมาณ 14.8% ซึ่งในส่วนของปัญหาซับไพร์มที่สหรัฐอเมริกาเชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบกับอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์มากนัก เพราะที่ผ่านมาตลาดสำคัญของ อุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์จะมีการเติบโตจะในตลาดเกิดใหม่ เช่น จีน อินเดีย และแถบเอเชีย เป็นหลัก
เขากล่าวต่อในช่วงท้ายถึงสภาวะการแข่งขันของธุรกิจว่ามีไม่มาก เนื่องจากมีจำนวนผู้ผลิตไม่มากราย อีกทั้งผู้ประกอบการทุกรายค่อนข้างระมัดระวังในการขยายกำลังการผลิต และเชื่อว่าส่วนใหญ่เน้นในเรื่องผลกำไรมากกว่าการครองส่วนแบ่งการตลาด ส่วนเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องนั้นมีผลกระทบบ้าง เพราะบริษัทได้ขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศโดยมีลูกค้ารายใหม่ 3 รายที่ มาเลเซีย สิงคโปร์และจีน ซึ่งบริษัทได้เริ่มส่งออกเมื่อช่วงไตรมาส 3 แต่ส่วนที่ถือเป็นผลบวกกับ SPPT จากการแข็งค่าของเงินบาทก็มีเช่นกัน เนื่องจากช่วยลดต้นทุนวัตถุดิบให้ถูกลง เพราะบริษัทต้องนำเข้าวัตถุดิบทั้งหมด
อนึ่ง ที่ประชุมคณะกรรมการของ SPPT ครั้งที่ 1 / 2551 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับครึ่งหลังของปี 2550 จากกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนแก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.16 บาท จำนวน 250 ล้านหุ้น รวมเป็นเงิน 40 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลที่ได้จ่ายไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.12 บาทรวมเป็นเงินปันผลจ่ายทั้งสิ้น 0.28 บาท ต่อหุ้น คิดเป็นเงินปันผลจ่ายทั้งสิ้นประจำปี 2550 รวมเป็นจำนวนเงิน 70 ล้านบาท โดยบริษัทจะจ่ายเงินปันผลสำหรับครึ่งหลังของปี 2550 ในอัตราหุ้นละ 0.16บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีรายชื่อปรากฏอยู่ในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 8 เมษายน 2551 โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 2 พฤษภาคม2551
บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจรับจ้างผลิตชิ้นส่วนโลหะที่มีความเที่ยงตรงสูงระดับต่ำกว่า 5 ไมครอน อาทิ Shaft, Sleeve ,Fluid Dynamic Bearing part , Hub ,Camera Part ,machine part เพื่อนำไปประกอบผลิตภัณฑ์ Pivot, Spindle Motor ซึ่งเป็นส่วนประกอบหนึ่งของหน่วยบันทึกความจำ (Hard Disk-"ฮาร์ดดิสก์") และชิ้นส่วนของกล้องถ่ายรูป เป็นต้น ลักษณะผลิตภัณฑ์ของบริษัทแบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ 1. ส่วนประกอบสำหรับผลิตภัณฑ์ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (Hard Disk Drive) 2. ส่วนประกอบสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (Non Hard Disk Drive) 3. ชิ้นส่วนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัท SPMP ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับญี่ปุ่นโดยได้ดำเนินการจดสิทธิบัตรของผลิตภัณฑ์วาล์วพลาสติกที่ประเทศญี่ปุ่นสำหรับอุปกรณ์การไหลเวียนของเหลวซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถให้ยาแก่ผู้ป่วยที่มีการต่อสายยางจากร่างกายโดยไม่ต้องใช้เข็มฉีดยา และ 4. เครื่องจักรแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันดิบ ดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัท SPEE ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับอเมริกาและเป็นผู้แทนจำหน่ายแต่เพียงผู้ เดียวในประเทศไทยและในกลุ่มประเทศอินโดจีน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : คุณปภาดา สุวรรณกูฎ (ตุ้ย) 02-554-9396 , 085-133-0184