กรุงเทพฯ--15 ต.ค.--วิเคราะห์ข่าว สํานักงานประชาสัมพันธ์
นายชาตรี วัฒนเขจร ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กทม. กล่าวกรณีมีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับราคาค่ากำจัดขยะและข้อกำหนดเรื่องการใช้ประโยชน์ที่ดินในโครงการประกวดราคาจ้างเหมาเอกชนกำจัดมูลฝอย โดยระบบเตาเผามูลฝอยของ กทม. ที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยหนองแขมและศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุชว่า ราคาค่ากำจัดขยะของ กทม. ที่มีความแตกต่างกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) อื่น ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ อาทิ ลักษณะมูลฝอยของ กทม. เป็นมูลฝอยสดที่ไม่ใช่มูลฝอยเก่าหรือมูลฝอยที่ผ่านกระบวนการแปรสภาพเป็นเชื้อเพลิงแห้ง, ความเหมาะสมทางด้านเทคนิคของเทคโนโลยีเตาเผา การกำจัดมลพิษฺ มาตรการติดตามตรวจสอบ มาตรการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม, ข้อเสนอด้านการลงทุน ซึ่งมีอัตราค่ากำจัดมูลฝอยคงที่ตลอดอายุสัญญา 20 ปี ไม่มีการปรับราคาค่าจ้างเพิ่ม ซึ่งต่างจาก อปท. อื่น, อัตราการรับซื้อไฟฟ้าโครงการของ กทม. กำลังการผลิตไฟฟ้าสูงกว่า 10 เมกะวัตต์ มีอัตราการรับซื้อไฟฟ้า 3.66 บาทต่อหน่วย ซึ่งราคาต่ำกว่า อปท. อื่นที่กำลังการผลิตไฟฟ้าต่ำกว่า 10 เมกะวัตต์ มีราคารับซื้อไฟฟ้า 5.80 บาทต่อหน่วย, ต้นทุนการก่อสร้างและการบริหารจัดการเดินระบบที่แตกต่างกัน เป็นต้น
สำหรับการใช้ประโยชน์ที่ดินในโครงการดังกล่าว กทม. ได้จ้างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ศึกษาความเหมาะสมการกำจัดมูลฝอยด้วยระบบเตาเผาก่อนการดำเนินโครงการฯ โดยศึกษาความเหมาะสมด้านเทคโนโลยี ด้านเศรษฐศาสตร์ ข้อเสนอการลงทุน รวมถึงการใช้ประโยชน์ที่ดิน นอกจากนี้ ได้เสนอโครงการไปยังกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เพื่อนำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบ พร้อมนำเสนอคณะกรรมการกลางการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยของกระทรวงมหาดไทย พิจารณาให้ความเห็นชอบและนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพิจารณาให้ความเห็นชอบตามลำดับ ซึ่งเอกชนสามารถใช้ที่ดินของ กทม. โดยไม่ต้องเสียค่าตอบแทน ขณะที่โครงการฯ ของ อบจ.นนทบุรี เอกชนต้องจ่ายค่าตอบแทน 30 ล้านบาท/ปี ตลอดอายุสัญญา ขณะเดียวกันในการกำหนดคุณสมบัติของผู้เสนอราคา กทม. ไม่ได้ปิดกั้นผู้เสนอราคาจากทั้งนิติบุคคลไทยและนิติบุคคลต่างชาติ ซึ่งหากเป็นนิติบุคคลต่างชาติสามารถร่วมกับนิติบุคคลไทยในรูปแบบกิจการร่วมค้าลักษณะต่าง ๆ ได้เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดการแข่งขันด้านราคาและเทคโนโลยีอย่างเป็นธรรม