กรุงเทพฯ--16 ต.ค.--มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
นายชนาธิป เดชขจร ชื่อเล่น "เจม" กำลังศึกษาอยู่ในชั้นปีที่ 4 สาขากระบวนการอุตสาหกรรมเคมีและสิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์ พลังงานและสิ่งแวดล้อม มหาลัยวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตระยอง "เจม" เป็นหนุ่มที่มีบุคลิกสมาร์ทบอย เท่ห์ คนหนึ่งเลยทีเดียว หน้าตา สดใส ร่าเริง ยิ้มง่าย เป็นคนอารมณ์ดี ชอบคุยเฮฮา เมื่อก้าวสู่รั้วลูกพระจอม และยังร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรคณะวิทยาศาสตร์ พลังงานและสิ่งแวดล้อม คือได้รับเลือกให้อยู่ในตำแหน่งเป็นนายกสโมสร เป็นเวทีแห่งโอกาสที่ได้รับตรงนี้ ทำให้ได้รู้จักกับ "ผู้คนมากมาย ได้ติดต่อกับคณะอื่น ๆ ได้เรียนรู้สังคม วัฒนธรรมที่แตกต่างจากคณะของตนเองหรือแม้แต่วิธีการทำงาน" นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก และได้พัฒนาความคิดเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งในความคิดของตนเองการที่เราตั้งใจเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดแต่การทำกิจกรรมเหมือนเป็นการฝึกตนเองในด้านของการแบ่งเวลา การปรับตัว อย่างที่พี่ ๆ ได้เคยบอกผมไว้ว่า การเรียนทำให้เรามีงานทำ แต่กิจกรรมทำให้เราทำงานเป็น ซึ่งประสบการณ์ถือเป็นสิ่งที่สอนกันไม่ได้ สิ่งที่น่าประทับใจทั้งในและนอกรั้วมหาวิทยาลัย มจพ.
"เจม" เล่าให้ฟังว่า ผมเกิดและเป็นคนจังหวัดชลบุรี จบมัธยมมาจาก โรงเรียนสาธิต "พิบูลบำเพ็ญ" มหาวิทยาลัยบรูพา การที่ได้เข้าศึกษาต่อที่มหาลัยวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตระยองคือ "การได้พาตัวเองออกมาเปิดหูเปิดตากับสิ่งใหม่ ๆ ทั้งการดำเนินชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ในมุมมองและทัศนคติหลายด้าน" และอีกหนึ่งบทบาทที่ได้รับ คือ ตำแหน่งเป็นนายกสโมสรคณะวิทยาศาสตร์ พลังงานและสิ่งแวดล้อม บอกได้ว่า ภูมิใจ ดีใจ ที่หลายๆ คนเลือกและไว้วางใจผม ซึ่งในตอนแรกก็ไม่มั่นใจกับตำแหน่งที่ตนเองได้รับมา ซึ่งต้องใช้ความพยายาม ฝึกฝน เรียนรู้กับสิ่งใหม่ๆ ที่ได้รับโอกาสและปรับตัวเพื่อทำหน้าที่ในส่วนของนายกสโมสรให้ดีที่สุด ซึ่งประสบการณ์ตรงที่เราได้เข้ามาทำหน้าที่ของนายกสโมสรนั้น ทำให้ได้รู้จักกับผู้คนมากมาย เช่น การได้ติดต่อประสานงานในกิจกรรมต่างๆ ของคณะตนเอง และต่างคณะ กิจกรรมแต่ละประเภทมันช่วยบอกวิธีคิด การมองไปข้างหน้า การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า หรือแม้แต่การอ่อนน้อมถ่อมตน ตลอดจนวิถีการดำเนินชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยแต่ละสังคมที่แตกต่างกันมันคือการได้เรียนรู้ เป็นเวทีแลกเปลี่ยนช่วยให้ผู้คนสามารถเรียนรู้วัฒนธรรมกันและกันได้ตลอดเวลา
การทำกิจกรรมควบคู่กับการเรียน หากจัดสรรเวลาให้ดีๆ หาวิธีบริหารเวลาอย่างฉลาดแล้ว เพราะผมเชื่อว่าเวลาเป็นสิ่งสำคัญ ต้องรู้จักการบริหารให้เป็นแค่นี้ก็พริ้วเลยครับ การได้มาเรียนที่ มจพ.นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก และได้พัฒนาความคิดเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งในความคิดของตนเองการที่เราตั้งใจเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่การทำกิจกรรมเหมือนเป็นการฝึกตนเองในด้านของการบริหารจัดการเรื่องเวลาได้เก่งขึ้น
สิ่งที่น่าประทับใจทั้งในและนอกรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ คือการได้เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมกิจกรรมค่ายสันทนาการประดู่แดง ค่ายสุดยอดผู้นำ 3 วิทยาเขตหรือค่ายผู้นำ 3 พระจอม การเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวทำให้ผมได้เรียนรู้ถึงคำว่า "เพื่อน พี่น้อง" บางคนอาจจะคิดว่า "เรียนมหาวิทยาลัยถ้าเราเก่งเราสามารถเรียนจบได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องมีเพื่อน พี่น้องก็ได้ แต่สำหรับผมสิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนที่ยึดเหนี่ยว เป็นสิ่งที่ทำให้เราภาคภูมิใจว่าผมภูมิใจที่ได้มาเรียนที่ มจพ." การได้รู้จักเพื่อน พี่น้องในรั้วมหาวิทยาลัยมันทำให้เหมือนเราได้ครอบครัวที่ใหญ่มาก ๆ เพิ่มขึ้นมา สิ่งเหล่านี้ทำให้นักศึกษามีมุมมองใหม่ ๆ และพร้อมที่จะปรับตัวไปกับสังคมภายนอก เมื่อเรียนจบการศึกษาแล้ว อยากจะศึกษาต่อที่ต่างประเทศ และกลับมาเป็นอาจารย์สอนที่ มจพ. ผมหวังไว้เช่นนั้น