กรุงเทพฯ--16 ต.ค.--ธนาคารกสิกรไทย
บลจ.กสิกรไทย ส่งกองทุนน้องใหม่สวนกระแสความผันผวนโลก กับ'กองทุนเปิดเค ฟิกซ์เดท เอเซียน บอนด์ 2022A (KAB22A)' กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศแบบกำหนดอายุโครงการ ที่เน้นกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลกโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย พร้อมโอกาสรับผลตอบแทนทุกไตรมาส ชูยิลด์ 2.40% – 3.00% ต่อปี เสนอขายครั้งเดียว 16 – 22 ต.ค.นี้
นายนาวิน อินทรสมบัติ Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเป็นขาลง การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ถือเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนที่น่าสนใจ บลจ.กสิกรไทย จึงได้เปิดเสนอขาย กองทุนเปิดเค ฟิกซ์เดท เอเซียน บอนด์ 2022A (KAB22A) ในระหว่างวันที่ 16 – 22 ตุลาคม 2562 โดยชูจุดเด่นกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย พร้อมโอกาสรับผลตอบแทนทุกไตรมาส ผ่านนโยบายการรับซื้อคืนอัตโนมัติ (Auto-Redemption) ไม่เกินปีละ 4 ครั้ง นอกจากนี้ผู้ลงทุนยังไม่ต้องเสียภาษีกองทุนตราสารหนี้ในอัตรา 15% เนื่องจากกองทุนดังกล่าวเป็นการลงทุนผ่านกองทุนหลักต่างประเทศ (Feeder Fund)
นายนาวินกล่าวต่อไปว่า กองทุน KAB22A จะลงทุนผ่านกองทุนหลัก Invesco Asian Bond Fixed Maturity Fund 2022, Class A(USD)-MD1 ซึ่งบริหารจัดการโดย Invesco Hong Kong Limited ผู้เชี่ยวชาญตราสารหนี้ทั่วโลกโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย และกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) ที่บริหารตราสารหนี้มากกว่า 369,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยกองทุนหลักมีนโยบายกระจายลงทุนในตราสารหนี้ประมาณ 50-120 ตราสาร โดยเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) ในสัดส่วนอย่างน้อย 70% ของพอร์ต และลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าที่สามารถลงทุนได้ (Non-Investment Grade) อีกไม่เกิน 30% ของพอร์ต โดยลงทุนทั้งในภูมิภาคเอเชียและภูมิภาคอื่นๆ ผ่านกลยุทธ์ซื้อและถือ (Buy and Hold) เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนระหว่างการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ กองทุน KAB22A มีอายุโครงการ 2 ปี 6 เดือน และมุ่งหวังผลตอบแทนประมาณ 2.40% – 3.00% ต่อปี
"บลจ.กสิกรไทย มีมุมมองบวกต่อตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากตราสารหนี้ในภูมิภาคเอเชียยังมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยบริษัทส่วนใหญ่ในเอเชียมีแนวโน้มเติบโตของกำไรสูง และคาดว่าปี 2563 บริษัทเอเชียมีการเติบโตของกำไรประมาณ 14% ต่อปี ขณะที่บริษัททั่วโลกมีการเติบโต 10% ต่อปี ประกอบกับการลงทุนในตราสารหนี้มากกว่า 80 ตราสารในภูมิภาคเอเชีย จะได้รับประโยชน์อย่างมากจากอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่อยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ตราสารหนี้เอเชียมีความสามารถในการชำระหนี้อยู่ในระดับสูง โดยจากสถิติย้อนหลัง 30 ปี พบว่า ตราสารหนี้ Investment Grade มีผลขาดทุนสะสมจากการผิดนัดชำระหนี้เฉลี่ยต่ำมาก อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตาประเด็นการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมถึงความเสี่ยงทางการเมืองระหว่างประเทศที่อาจส่งผลกระทบต่อความรู้สึก (sentiment) ของนักลงทุนต่างประเทศ" นายนาวินกล่าว
นายนาวินกล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุน KAB22A เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุนตราสารหนี้แบบกำหนดอายุโครงการ (Term Fund) แต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่มากขึ้น พร้อมสามารถรับความเสี่ยงจากการกระจายลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลกโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย และสามารถลงทุนในระยะเวลาประมาณ 2 ปี 6 เดือน ทั้งนี้ เมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ระยะสั้น (K-SF) ของบลจ.กสิกรไทย เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจสามารถเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาท ผ่านแอป K PLUS หรือ K-My Funds หรือ ธนาคารกสิกรไทย และตัวแทนสนับสนุนการขายของ บลจ.กสิกรไทย โดยติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางดังกล่าว สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศอาจมีความผันผวนตามสภาวะตลาดและค่าเงิน กองทุนป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ทั้งนี้ เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรก ผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนนี้ในช่วงเวลา 2 ปี 6 เดือนได้ ดังนั้น หากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก