กรุงเทพฯ--26 ก.พ.--ตลท.
นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขยายฐานผู้ลงทุนเปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการฯ ได้มีการประชุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2551 ที่ผ่านมา และมีความเห็นร่วมกันว่าการเพิ่มฐานผู้ลงทุนของทุกกลุ่มมีความสำคัญ โดยจะต้องมีการกำหนดยุทธศาสตร์เชิงรุกที่เหมาะสมกับผู้ลงทุนแต่ละกลุ่ม ทั้งนี้ เห็นว่าการเพิ่มสินค้าที่น่าสนใจ เป็นแรงดึงดูดสำคัญที่จะทำให้มีการเข้ามาลงทุนมากขึ้น
คณะอนุกรรมการขยายฐานผู้ลงทุน ซึ่งได้รับแต่งตั้งจากคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน มีจำนวน 15 ท่าน ประกอบด้วย ผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานจากสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตลาดหลักทรัพย์ฯ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ มูลนิธิกองทุนพัฒนาระบบตลาดทุน กรมสรรพากร บริษัทจดทะเบียน บริษัทประกันชีวิต และบริษัทหลักทรัพย์
นายปกรณ์กล่าวว่า “คณะอนุกรรมการฯ มีความเห็นร่วมกันว่า การเพิ่มผู้ลงทุนสถาบันในประเทศ เช่น กองทุนรวม กองทุนประกันสังคม เงินลงทุนของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และบริษัทประกันภัยเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นกลุ่มที่มีความรู้ความเข้าใจในหลักการลงทุนเป็นอย่างดี ซึ่งจะมีส่วนในการสร้างเสถียรภาพของราคาหลักทรัพย์ โดยจากสัดส่วนการซื้อขายเฉลี่ยในปัจจุบันประมาณร้อยละ 11 — 17 ถือว่ายังไม่เพียงพอ ดังนั้น ควรมี การพิจารณาสร้างแรงจูงใจที่จะทำให้ผู้ลงทุนสถาบันกลุ่มนี้เข้ามาลงทุนในตลาดทุนไทยเพิ่มมากขึ้น”
ส่วนกลุ่มผู้ลงทุนต่างประเทศนั้น จะต้องมีการให้ข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ อาทิ การไปโรดโชว์ เป็นต้น สำหรับกลุ่มผู้ลงทุนบุคคลนั้น ถึงแม้จะมีกิจกรรมทางการตลาดเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดอยู่แล้ว ยังคงต้องขยายไปยังกลุ่มผู้ที่มีศักยภาพในการลงทุนในวงกว้าง ตัวอย่างเช่น สมาชิกของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งหากมีการสร้างความเข้าใจ พร้อมจัดโครงการ Employees’ choice เพื่อนำเสนอทางเลือกในการลงทุนที่เข้าใจง่าย และสอดคล้องกับความต้องการ ก็จะมีส่วนเพิ่มความสนใจให้เข้ามาลงทุนในตลาดทุนมากยิ่งขึ้น
“ที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ ยังมีความเห็นว่าคณะอนุกรรมการสรรหาบริษัทจดทะเบียน (สบจ.) มีความสำคัญอย่างมากในการดึงดูดผู้ลงทุนเข้ามาลงทุนในตลาดทุน เพราะบทบาทที่สำคัญของคณะกรรมการชุดนี้คือการเพิ่มจำนวนบริษัทจดทะเบียนในตลาดทุน ซึ่งจะมีส่วนอย่างยิ่งในการดึงดูดการเข้ามาลงทุนของผู้ลงทุนทุกกลุ่ม
ทั้งนี้ ความเห็นของคณะอนุกรรมการฯ เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับการดำเนินงาน ซึ่งศูนย์ระดมทุน ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะนำความเห็นและข้อเสนอของคณะอนุกรรมการฯ ไปจัดทำข้อเสนอในการดำเนินงานเพื่อการขยายฐานผู้ลงทุนในการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ครั้งต่อไปซึ่งจะมีการประชุมอีกครั้งในเดือนมีนาคม” นายปกรณ์กล่าว
รายนามคณะอนุกรรมการขยายฐานผู้ลงทุน ประกอบด้วย นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นประธานคณะอนุกรรมการฯ ส่วนอนุกรรมการอีก 14 ท่านประกอบด้วย นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ธนาคารกรุงไทย นายประเวช องอาจสิทธิกุล ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานคณะทำงานเศรษฐกิจมหภาค การเงิน การคลัง สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการ คณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ปตท. นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด นายรพี สุจริตกุล ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) นายสุเทพ พีตกานนท์ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) นายนิพัทธ พุกกะณะสุต ประธานมูลนิธิกองทุนพัฒนาระบบตลาดทุน ดร.ชัยพันธ์ พงศ์ธนากร อนุกรรมการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ฟาร์อีสท์ จำกัด นายสรรเสริญ นิลรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ บีที จำกัด นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และนายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ติดต่อส่วนสื่อมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร
ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร.0-2229-2036 / ศรินทร์ลักษณ์ จิตกะวงศ์ โทร. 0-2229—2037 /
ณัฐพร บุญประภา โทร. 0-2229-2049 / วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร โทร. 0-2229-2797