กรุงเทพฯ--18 ต.ค.--เดอะแพรคทิเคิลโซลูชั่น
นักวิเคราะห์จากโบรกชั้นนำ 6 แห่ง ประเมินราคาเหมาะสม "เดอะแพรคทิเคิลโซลูชั่น" หรือ TPS ที่ราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 4.30 บาท โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ย 3.87 บาทต่อหุ้น ชี้หลังเข้าตลาด mai เพิ่มศักยภาพฐานทุน หนุนทั้งรายได้ และกำไรโตก้าวกระโดด มีความพร้อมเข้าประมูลงานเพิ่มทั้งภาครัฐ -เอกชน ประเมินแนวโน้มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเติบโตโดดเด่น ตามแผนขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นโยบายประเทศไทย 4.0 และแผนพัฒนาดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม
บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ออกบทวิเคราะห์ ระบุว่า บริษัท เดอะแพรคทิเคิลโซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TPS จะมีการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไป(IPO) จำนวน 80 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 28.57 % ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ซึ่งฝ่ายวิจัยได้ประเมินราคาที่เหมาะสมของหุ้นอยู่ที่ระดับ 4.30 บาทต่อหุ้นอ้างอิงจากค่าเฉลี่ยของบริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงกับ TPS ซึ่งมีค่า PEอยู่ที่ 13 เท่า
ทั้งนี้ ภายหลังจากเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) แล้วจะทำให้มีการเติบโตได้ตามโอกาสการเข้าประมูลงาน โดย ณ 30 มิถุนายน 2562 บริษัทฯ มีโครงการที่ได้คำสั่งซื้อจากลูกค้า และยังไม่ได้จัดส่งให้ลูกค้า จำนวน 168.6 ล้านบาท ในช่วงเดือนก.ค.-ก.ย. 2562 บริษัทฯ มีโครงการที่ได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มเติมอีก จำนวน 68.5 ล้านบาท มีประมาณการรายได้จากการให้บริการบำรุงรักษา จำนวน 82.5 ล้านบาท และมีโครงการออกแบบและพัฒนาซอฟท์แวร์เครื่องฝึกหัดขับรถไฟจำลอง จำนวน 58.8 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯมีลูกค้าทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชน รวม 378 .4 ล้านบาท
ขณะที่ TPS เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเจ้าของผลิตภัณฑ์สินค้าของบริษัทชั้นนำระดับโลก ได้แก่ Cisco , NetApp ,Palo Alto Networks , Symantec, VMware และ Fortinet เป็นต้น โดยมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัท Cisco เป็นหลัก ซึ่ง Cisco เป็นผู้นำระดับโลกด้านอุปกรณ์และ Software เกี่ยวกับ Data Networking ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของบริษัท
โดยคาดการณ์ผลการดำเนินงานจะเติบโตอย่างต่อเนื่องก้าวกระโดด ซึ่งประเมินรายได้ปี 2562 และปี 2563 จะอยู่ที่ 655 ล้านบาท และ 1,042 ล้านบาทตามลำดับ โดยคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยปี 2560 - 2564 จะเติบโต 7.6% จากแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรม และโอกาสการเข้าประมูลงานเพิ่มขึ้น จากแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมตลาดสื่อสาร โดยคาดว่า การเติบโตจะเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งจะเห็นว่ารัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ เพื่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ นโยบายประเทศไทย 4.0 และแผนพัฒนาดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2562 มีงบประมาณทั้งสิ้นถึง 3,000,000 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่า TPS อยู่ในตลาดที่มีกำลังมีความต้องการสูง
ทั้งนี้ ประมาณการกำไรสุทธิปี 2562 จำนวน 52 ล้านบาท และปี 2563 จำนวน 93 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยปี 2560 -2564 เติบโต 22.6% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าการเติบโตของรายได้ เนื่องจาก บริษัทฯควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกในด้านการลงทุนเทคโนโลยีสารสนเทศในประเทศไทย IDC ของ Digital Transformation ซึ่งคาดการณ์ว่าในระหว่างปี 2560 - 2565 การลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 5.14%หรือจากการลงทุนระดับ 4.14 แสนล้านบาท เป็น 5.40 แสนล้านบาท
ในขณะที่นักวิเคราะห์จาก KGI ประเมินราคาเป้าหมายอยู่ที่ 3.96 บาทต่อหุ้น ที่ PE 12 เท่า โดยมองว่า ธุรกิจที่อยู่ในช่วงเติบโตสู่ยุคดิจิตอล จากอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีแนวโน้มเติบโตตามการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี ทั้ง Cloud , Big Data , Artificial Intelligence (AI) , Blockchain และ Internet of Things (IoT) รวมถึงงบประมาณการลงทุนตามนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลของรัฐบาล กว่า 3 ล้านล้านบาท ซึ่งธุรกิจหลักของบริษัทฯยังมีศักยภาพในการเติบโต เนื่องจากองค์กรต่างๆทั้งภาครัฐ และเอกชน มีแนวโน้มจะปรับปรุงอุปกรณ์ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เพื่อสนองนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลของรัฐบาล และรองรับการก้าวสู่สังคมดิจิทัล โดย TPS มีจุดเด่นจากการที่บริษัทฯเป็นพันธมิตรในระดับ Gold Certified Partner กับ Cisco ซึ่งเป็นผู้นำตลาดอุปกรณ์เครือข่ายฯ ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก ทำให้ที่ผ่านมางานของ TPS มีทั้งที่เป็นโครงการขององค์กรภาครัฐ และบริษัทเอกชนที่เน้นการใช้อุปกรณ์ในระดับพรีเมี่ยม โดยคาดว่ากำไรจะเติบโตเกือบเท่าตัวไปแตะที่ระดับ 93 ล้านบาท ในปี 2563
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่าหุ้น TPS มีราคาเหมาะสมปี 2563 อยู่ที่ 4.14 บาทต่อหุ้น เนื่องจากการขยายธุรกิจเชิงรุกในอุตสาหกรรมที่ยังขยายตัว ซึ่งบริษัทฯประกอบธุรกิจให้บริการออกแบบติดตั้ง และจัดจำหน่ายอุปกรณ์ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ จุดเด่นคือเป็น Gold Certified Partner จาก Cisco ผู้นำตลาดอุปกรณ์ โครงข่ายของโลก จึงทำให้ TPS ได้รับการสนับสนุน เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ปัจจุบันงาน 70% มาจากงานของภาคเอกชน และในอนาคตบริษัทมีแผนขยายไปรับงานในส่วนของภาครัฐมากขึ้น จากนโยบายประเทศไทย 4.0 และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี คาดบริษัทฯจะมีส่วนร่วม จากงานที่เพิ่มขึ้นตามภาวะอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศที่ยังขยายตัว และในช่วงปลายปีเอกชนส่วนใหญ่ มีการจัดทำงบประมาณ เพื่อพัฒนาโครงสร้างเทคโนโลยีพื้นฐานของบริษัทอีกด้วย ขณะที่รายได้ในปี 2563 เพิ่มขึ้น 40% จากการปรับกลยุทธ์ในการรับงานขนาดใหญ่ของภาครัฐมากขึ้น และงานหลายๆโครงการบริษัทเข้าไปเป็นที่ปรึกษามาตั้งแต่ต้นทำให้โอกาสในการเข้ารับงานค่อนข้างสูง
นอกจากนี้ยังมี บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินว่าหุ้นTPS มีราคาพื้นฐานปี 2563 อยู่ที่ 3.75 บาท โดยมองว่า TPS เป็นหนึ่งในผู้นำเสนอโซลูชั่นด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่ครบวงจร โดยมีกระบวนการทำงานเริ่มตั้งแต่การให้คำปรึกษา ออกแบบ จัดหา และติดตั้งผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลอดจนการให้บริการดูแล และบำรุงรักษาระบบ ซึ่งรายได้และกำไร ยังมีโอกาสเติบโตหลังได้อานิสงส์บวกจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง และก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยคาดกำไรสุทธิจะโตเด่นถึง 67% จากปีก่อน แตะ87 ล้านบาท ซึ่งมาจากรายได้จากการขายและบริการเติบโต 43.3% ตามการรับรู้ Backlog ที่มีอยู่รวมถึงโอกาสได้รับงานใหม่จากโครงการที่อยู่ระหว่างการเสนอโครงการ ส่วนโบรกเกอร์อีก 2 รายคือ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ประเมินราคาเหมาะสมอยู่ที่ 3.55 และ 3.54บาทต่อหุ้น โดยคาดการณ์กำไรเติบโตอย่างมีนัยสำคัญประมาณ 83 ล้านบาทในปี 2563 โดยมองทิศทางผลการดำเนินงานเป็นขาขึ้นตาม อุตสาหกรรมที่เติบโตต่อเนื่องตามเม็ดเงินลงทุนของภาคเอกชนและแรงกระตุนของนโยบายจากภาครัฐในขณะที่บริษัทฯมีความเชี่ยวชาญและได้รับการยอมรับด้านคุณภาพจากทั้งลูกค้าภาครัฐและเอกชนจึงจะได้รับผลเชิงบวกจากการเข้ามีส่วนร่วมในการเติบโตของอุตสาหกรรมได้อีกมาก