กรุงเทพฯ--25 ต.ค.--ทีคิวพีอาร์
นิสสันเปิดเผยในวันนี้ว่า กำลังทดสอบเทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้าคู่กำลังสูงและการควบคุมแบบออลวีล ในรถทดสอบโดยเทคโนโลยีใหม่นี้ที่จะถูกบรรจุในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่อไปของนิสสัน รถยนต์ทดสอบใช้พื้นฐานจากรถยนต์ไฟฟ้า 100% นิสสัน ลีฟ อี-พลัส (LEAF e +) เสริมสมรรถนะด้วยระบบขับเคลื่อนแบบออลวีล จากมอเตอร์ไฟฟ้าพลังสูงติดตั้งทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ผสานกับเทคโนโลยีการควบคุมแชสซีของนิสสัน ผลลัพธ์ที่ได้คือระบบควบคุมล้อแบบออลวีล (all-wheel-control system) ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า เสริมประสิทธิภาพรถยนต์ไฟฟ้าของนิสสันไปสู่อีกระดับ
"เร็วๆ นี้นิสสันจะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ซึ่งจะเป็นความก้าวหน้าที่แท้จริง" ทาคาโอะ อาซามิ รองประธานอาวุโสฝ่ายวิจัยและวิศวกรรมขั้นสูงของนิสสัน (Takao Asami, senior vice president research and advanced engineering) กล่าว "เทคโนโลยีขับเคลื่อนและควบคุมล้อทั้งสี่จะได้รับการพัฒนาโดยรวบรวมระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าและเทคโนโลยีการควบคุมแบบ 4WD เข้ากับเทคโนโลยีการควบคุมแชสซีของนิสสันเพื่อให้เกิดความแตกต่างของอัตราเร่ง เข้าโค้ง รวมถึงชะลอความเร็ว เทียบเท่ากับรถสปอร์ต
เทคโนโลยีของรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าตื่นเต้นนี้เป็นส่วนสำคัญของ Nissan Intelligent Mobility อันเป็นวิสัยทัศน์ของ บริษัท เกี่ยวกับพลังงานที่ใช้ขับเคลื่อน วิถีของการขับขี่ และบูรณาการรถยนต์ให้เข้ากับสังคม
- พละกำลัง ที่นุ่มนวลจากมอเตอร์คู่ที่ให้กำลังสูง
การใช้มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าและด้านหลังแยกจากกัน ระบบขับเคลื่อนสามารถให้กำลังไฟฟ้าสูงสุด 227 กิโลวัตต์ (kW) และแรงบิดสูงสุดถึง 680 นิวตันเมตร (Nm) สิ่งที่ได้ถูกเสริมด้วยระบบควบคุมมอเตอร์ที่มีความแม่นยำสูงเป็นพิเศษจากเทคโนโลยีด้านรถยนต์ไฟฟ้าขั้นสูงของนิสสัน ที่ให้การตอบสนองอย่างรวดเร็ว แต่ยังให้ความนุ่มนวลอย่างคาดไม่ถึง
ผู้ขับขี่จะได้รับประโยชน์จากระบบควบคุมทุกล้อนี้ในทุกสภาพถนนซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่และความมั่นใจได้เป็นอย่างดี
- การขับขี่ที่สะดวกสบายทุกรูปแบบ
สำหรับการควบคุมความแม่นยำของมอเตอร์ทั้งสองในรถยนต์ทดสอบนั้น สามารถให้ความสะดวกสบายในการขับขี่ที่เหนือชั้น ตัวอย่างเช่น เมื่อมีการชะลอความเร็วในเมือง เทคโนโลยีจะช่วยให้ผู้โดยสารไม่ให้ถูกเขย่าไปมา ช่วยลดโอกาสในการเกิดอาการเมาและรู้สึกไม่สบาย ในทำนองเดียวกันบนถนนที่ขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ เมื่อเร่งความเร็ว ระบบควบคุมมอเตอร์ที่ได้รับการปรับปรุง จะรักษาความนุ่มนวลในการขับขี่โดยลดการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติให้น้อยที่สุด
- ระบบควบคุมการเบรกแบบอิสระสำหรับการควบคุมระดับสูงสุด
นอกเหนือจากการเพิ่มประสิทธิภาพของการจัดสรรแรงบิดที่ด้านหน้าและด้านหลังแล้ว ระบบฯยังใช้การควบคุมเบรกแบบอิสระที่แต่ละล้อทั้งสี่ เพื่อเพิ่มแรงในการเข้าโค้งที่เกิดจากยางแต่ละล้อ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ขับขี่เพลิดเพลินไปกับการเข้าโค้งที่เป็นไปตามที่คิดไว้ ด้วยการบังคับเลี้ยวจากพวกมาลัยให้น้อยที่สุด
- การส่งสัญญาณสำหรับทิศทางใหม่ของ Nissan Intelligent Mobility
แม้จะเป็นรถทดสอบที่มีเทคโนโลยีซ่อนอยู่ภายใน แต่ภายนอกนั้นยังถ่ายทอดเทคโนโลยีของนิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี ขั้นสูงภายในและสร้างความตื่นเต้นสำหรับยุคหน้าของเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าของนิสสัน สำหรับรถยนต์ทดสอบคันนี้มาพร้อมการตกแต่งด้วยชิ้นส่วนเฟนเดอร์ และล้อแบบแรลลี่ เพื่อทดสอบสภาพถนนที่มีสภาพรุนแรงมากที่สุด
นอกจากนี้ภายในรถทดสอบคันดังกล่าวติดตั้งจอแสดงผลขนาด 12.3 นิ้วอยู่ตรงกลางของแผงหน้าปัดที่จะรายงานข้อมูลแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับเทคโนโลยีการควบคุมยานพาหนะ ผ่านกราฟิกที่สวยงาม ด้วยจอแสดงผลที่กำหนดเองนี้ ผู้ขับขี่สามารถเข้าใจการทำงานของรถยนต์ได้ดีขึ้นและรับรู้ประสิทธิภาพของเทคโนโลยีการควบคุมล้อแบบออลวีลนี้ได้อย่างรวดเร็ว
- มั่นใจในทุกพื้นผิวถนน
เทคโนโลยีการควบคุมสี่ล้อไฟฟ้าช่วยเพิ่มความมั่นใจของผู้ขับขี่ในสภาพถนนที่หลากหลาย ยกตัวอย่างเช่นเมื่อเข้าโค้งบนถนนที่ปกคลุมด้วยหิมะยานพาหนะสามารถติดตามเส้นทางที่ผู้ขับขี่ต้องการได้อย่างสุจริตใจด้วยมอเตอร์ที่มีความแม่นยำสูงพิเศษและการควบคุมเบรก ด้วยความมั่นใจในการจัดการพื้นผิวถนนที่หลากหลายทำให้การขับขี่กลายเป็นเรื่องสนุกยิ่งขึ้น
รายละเอียดทางเทคนิค : รถไฟฟ้าที่ใช้ในการทดสอบเทคโนโลยีควบคุมแบบออลวีล (all-wheel-control system)
- มอเตอร์ไฟฟ้า รุ่น EM57 2 ตัว (หน้า และ หลัง)
- แรงบิดสูงสุด 227kW / 680Nm
- มิติความยาว 4,480 mm
- ความกว้าง 1,830 mm
- ความสูง 1,540 mm
- ระยะฐานล้อ 2,700 mm
- ขนาดล้อและยาง ล้อหน้า : 215/55R17, ล้อหลัง : 235/50R17
เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
นิสสัน ก่อตั้งในประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี พ.ศ 2476 โดยมีนโยบายหลักที่จะนำเสนอนวัตกรรมที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับลูกค้า (Innovation that Excites) ทำให้ลูกค้าได้รับความสุขกับรถของนิสสัน ขณะเดียวกันนิสสันยังต้องการปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้กับคนในสังคม โดยนิสสันได้ประกาศเป้าหมายในการมีส่วนร่วมลดค่ามลพิษให้เป็นศูนย์ และลดการสูญเสียบนท้องถนนให้เป็นศูนย์ นิสสันจึงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่อัจฉริยะ โดยมีแผนที่จะแนะนำระบบขับขี่อัตโนมัติ ในรถยนต์รุ่นหลักในภูมิภาคต่างๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนไปพร้อมๆ กับการสร้างความสุขให้กับผู้ขับขี่ สำหรับประเทศไทยนิสสันเริ่มดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495 ปัจจุบันมีบริษัทในเครือ 5 แห่ง และฐานการผลิตรถยนต์รวม 2 แห่ง มีเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการมากกว่า 180 แห่ง โดยมีผลิตภัณฑ์รถยนต์ตอบสนองลูกค้าทุกเซกเมนต์รวม 10 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์อีโค คาร์ รถยนต์อเนกประสงค์ รถยนต์พรีเมี่ยมซีดาน รถกระบะ และรถตู้
เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด
นิสสัน เป็นผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกที่จำหน่ายรถยนต์มากกว่า 60 รุ่นภายใต้แบรนด์นิสสัน อินฟินิตี้ และดัทสัน ในปีงบประมาณ 2561 บริษัทฯ มียอดขายรถยนต์มากกว่า 5.52 ล้านคันทั่วโลก สร้างรายได้มูลค่า 11.6 ล้านล้านเยน สำนักงานใหญ่ของนิสสันที่ตั้งอยู่ที่เมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น แบ่งเขตปฏิบัติการออกเป็น 6 พื้นที่ ประกอบไปด้วย เอเชียและโอเชียเนีย แอฟริกา ตะวันออกกลางและอินเดีย จีน ยุโรป ละตินอเมริกา และอเมริกาเหนือ นิสสันเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ เรโนลต์ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 และ ได้เข้าซื้อหุ้นเป็นจำนวน 34% จากมิตซูบิชิในปี พ.ศ. 2559 ปัจจุบันเรโนลต์ นิสสัน และมิตซูบิชิ มอเตอร์สเป็นพันธมิตรธุรกิจยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดและมียอดขายรวมกันมากกว่า 10.76 ล้านคันในปี 2561
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การบริการ และความมุ่งมั่นในการนำเสนอยานยนต์เพื่อความยั่งยืน สามารถติดตามได้ที่ nissan-global.com, Facebook, Instagram, Twitter , LinkedIn และรับชมวีดีโอล่าสุดที่ YouTube