กรุงเทพฯ--25 ต.ค.--ไออาร์ พลัส
STI ผู้นำธุรกิจคุมงานก่อสร้างเนื้อหอม โบรกฯ เชื่อมั่นสตอรี่การเติบโต แถมโดดเด่นเมื่อเทียบบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน แม้ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 2 แต่ประสิทธิภาพและกำไรดีสุด มี Backlog ในมือเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พร้อมประเมินราคาเป้าหมายอยู่ที่ 6 บาท แนะนำซื้อ
บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH Securities ระบุในบทวิเคราะห์ถึงประเด็นในการลงทุน บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) (STI) เป็นผู้นำในธุรกิจที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง ที่มีศักยภาพเติบโตต่อเนื่อง โดยมีบริษัทย่อยคือ สโตนเฮ้นจ์ จำกัด (STH) ซึ่ง STI ถือหุ้น 100% ให้บริการธุรกิจออกแบบงานด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม งานตกแต่งภายใน และงานอนุรักษ์โบราณสถาน ช่วยให้ STI สามารถดำเนินธุรกิจอย่างครบวงจร บริหารงานโดยผู้บริหารที่มีประสบการณ์โดยตรงมากว่า 30 ปี ส่งผลให้ STI ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 2 แต่กลับมีประสิทธิภาพดีสุด ทั้งในเชิง Net Profit Margin, ROE และ ROA
มีศักยภาพการเติบโตสูง จากงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ณ สิ้นเดือน สิงหาคม 2562 อยู่ที่ 1,720 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2561 อยู่ที่ 1,450 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงานสัดส่วนภาครัฐ 13.3% และภาคเอกชน 86.7% ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นโปรเจคใหญ่ One Bangkok ราว 600 ล้านบาท จะรับรู้รายได้ช่วงที่เหลือของปีนี้ราว 50 ล้านบาท ส่วนที่เหลือทยอยรับรู้ปี 2563 - 2565
นอกจากนี้ จากจุดแข็งที่ยูนิเวนเจอร์ แคปปิตอล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเสี่ยเจริญ ถือหุ้น STI ถึง 28.56% ช่วยเพิ่มโอกาสในการรับงานจากกลุ่มบริษัทในเครือของเสี่ยเจริญ รวมทั้ง ยังมีฐานลูกค้าประจำที่ไว้วางใจ ป้อนงานให้ STI อย่างสม่ำเสมอ เพราะเชื่อมั่น และชื่นชอบในผลงาน ด้วยผลดังกล่าวทำให้ STI มีรายได้อย่างสม่ำเสมอเฉลี่ยปีละ 15%
จึงคาดกำไรปี 2562 และในปี 2563 STI จะเติบโต 21% และเติบโต 16% ตามลำดับ แม้กำไรงวดครึ่งปีแรกปี 2562 จะอยู่ที่ 40.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 247.4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากฐานกำไรงวด ครึ่งปีแรกปี 2561 ที่ต่ำมาก เพราะงวดไตรมาส 1/2561 รายได้จากโครงการใหม่ อาทิ โครงการ One Bangkok ยังเข้ามาน้อยมาก ขณะที่งวดไตรมาส 2/2561 รับผลกระทบจากต้นทุนค่าที่ปรึกษาต่างประเทศโครงการ One Bangkok 23.9 ล้านบาท โดยในงวดไตรมาส 3/2561 รับรู้ต้นทุนดังกล่าวอีก 18.9 ล้านบาท ทั้งนี้ งวดไตรมาส 4/2561 โครงการ One Bangkok ได้เซ็นสัญญากับ STI อย่างเป็นทางการ ทำให้ STI สามารถรับรู้รายได้จากโครงการ One Bangkok ตามต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงได้ ทำให้กำไรงวดไตรมาส 4/2561 สูงกว่าปกติ เพราะต้นทุนที่ปรึกษาต่างประเทศได้เกิดขึ้นในงวดที่ผ่านมาแล้ว
ทั้งนี้ คาดกำไรในงวดไตรมาส 3/2562 และไตรมาส 4/2562 จะใกล้เคียงกันที่ 23.8 ล้านบาท แม้รายได้งวดไตรมาส 4/2562 จะมากกว่างวดไตรมาส 3/2562 แต่ในไตรมาส 4 ของทุกปีจะมีค่าใช้จ่าย incentive ให้แก่พนักงานตามผลงานที่พนักงานทำในแต่ละปี เพื่อจูงใจให้พนักงานมี loyalty ต่อองค์กร ส่งผลให้คาดกำไรงวดครึ่งปีหลังปี 2562 นี้ จะอยู่ที่ 47.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.8% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกที่ผ่านมา แต่ลดลง 22.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากผลกระทบของกำไรสุทธิไตรมาส 4/2561 ที่สูงกว่าปกติ เป็นผลให้คาดว่ากำไรปี 2562 จะเติบโต 21% และเพิ่มขึ้นอีก 16% ในปี 2563 จึงประเมิน ราคาเป้าหมายปี 2563 อิงวิธี GGM อิง BV63F ที่ 2.55 เท่า อยู่ที่ 6 บาท เทียบเท่า PER ปี 63 ที่ 15.75 เท่า โดยยังไม่รวมมูลค่าเพิ่มจากแผนการซื้อเงินลงทุนในกิจการใหม่ที่ดำเนินธุรกิจคล้ายคลึงกัน วงเงิน 200 ล้านบาท ที่อาจเกิดขึ้นเร็วๆ นี้