กรุงเทพฯ--27 ก.พ.--สหการประมูล
สหการประมูลยอมรับทำธุรกิจยากขึ้น ชี้ต้นทุนการบริหารธุรกิจประมูลเพิ่ม แต่ยังคงรับภาระแทนผู้บริโภคได้ ยืนยันไม่มีนโยบายปรับค่าบริการลูกค้าทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย เผยการทำงานแบบตรงไปตรงมายึดนโยบายโปร่งใสทุกขั้นตอน ทำให้สามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจนี้ได้สูงสุดถึง 85%
นางสาวเสาวลักษณ์ ชัยเดชสุริยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหการประมูล จำกัด เปิดเผยว่า ถึงสถานการณ์ของธุรกิจประมูลรถยนต์มือสองในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันนี้ว่า การทำงานนั้นมีความยากขึ้นเนื่องจากต้องแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ที่อยู่ในธุรกิจเดียวกัน โดยเฉพาะการทำงานเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของลูกค้าองค์กร เช่น สถาบันการเงิน รวมทั้งไฟแนนซ์ที่เป็นเจ้าของสินทรัพย์ ซึ่งต้องมีความสอดคล้องกันทั้งรูปแบบกิจกรรมการประมูลที่มีการลงทุนเพิ่มขึ้นและยอดขายที่ต้องเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ เนื่องจากปัจจุบันนี้นอกจากที่สำนักงานใหญ่และสาขารังสิตแล้ว บริษัทยังได้จัดให้มีกิจกรรมการประมูลนอกสถานที่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ทำให้ต้นทุนการบริหารงานนั้นเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“การจัดกิจกรรมประมูลนอกสถานที่บริษัทจำเป็นต้องจ่ายค่าเช่าสถานที่เก็บรถ จัดและตกแต่งสถานที่ประมูลให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า ทั้งเจ้าของรถและผู้ซื้อที่ต้องการความสะดวกสบายด้านต่าง ๆ นอกจากนี้แล้วยังมีค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรสำหรับบริการ ต้นทุนการตรวจสอบสภาพรถยนต์ ค่าขนส่ง รวมทั้งค่าดำเนินการอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้นตามสถานการณ์ของบ้านเมือง แต่ทั้งหมดนี้บริษัทยังไม่ได้ผลักภาระให้ผู้บริโภครับผิดชอบเหมือนกับธุรกิจอื่น ๆ ที่เริ่มทยอยขึ้นราคาสินค้าและบริการไปแล้วก่อนหน้านี้ ดังนั้น ค่าบริการต่าง ๆ ยังคงเป็นราคาเดิม ที่สำคัญบริษัทยังคงมีนโยบายในการบริการเช่นเดิม ไม่ได้ตัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ของลูกค้าออกเพื่อลดต้นทุนแต่อย่างใด” นางสาวเสาวลักษณ์กล่าว
นอกจากนี้ยังได้กล่าวว่า กลยุทธ์ที่สามารถครองใจลูกค้าได้จนถึงทุกวันนี้ แม้จะมีคู่แข่งในธุรกิจประมูลเพิ่มขึ้นก็ตาม เนื่องจากได้ยึดนโยบายการทำงานที่ตรงไปตรงมาและโปร่งใส ลูกค้าสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน จึงทำให้สหการประมูลสามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจประมูลรถยนต์มือสองได้ถึงร้อยละ 85%
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทรศัพท์ 0-2934-7344