กรุงเทพฯ--27 ก.พ.--สหมงคลฟิล์ม
ปรากฎการณ์เท้าไฟครั้งใหม่ที่ร้อนแรงกว่าเดิม การรวมตัวครั้งสำคัญของดารานักเต้นขวัญใจวัยรุ่นอเมริกัน อำนวยการสร้างและออกแบบท่าเต้นโดยทีมงานเดิมจาก Step Up
สัญชาติ อเมริกัน
ประเภท โรแมนติค / ดนตรี
อำนวยการสร้าง เอริค ฟีค (Step Up, Mr. & Mrs. Smith, I Know What You Did Last Summer)
อดัม แชงค์แมน (Step Up, Hairspray, Cheaper by the Dozen 2)
แพทริค วอชเบอร์เกอร์ (Step Up, Vanilla Sky, In the Valley of Elah)
กำกับการแสดง จอห์น ชู
นำแสดง โรเบิร์ต ฮอฟแมน (She’s the Man, Coach Carter)
บริอาน่า เอวิแกน (MV เพลง Numb ของ Linkin Park)
กำหนดฉาย 3 เมษายน 2008
จัดจำหน่าย มงคลเมเจอร์
Web Site www.myspace.com/stepupmovie
เรื่องย่อ
ในชีวิตของสาวน้อยนักเต้น แอนดี้ เวสต์ (บริอาน่า เอวิแกน) ไม่เคยได้อะไรมาง่ายๆ ไม่เคยเลย นอกจากการเต้น หลังจากที่แม่ของเธอเสียชีวิต แอนดี้ก็ไปอยู่กับ ซาร่า (ซอนย่า ซอห์น) เพื่อนรักของแม่ แต่บ้านของซาร่าก็เป็นอีกที่หนึ่งที่เธอรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง สำหรับแอนดี้ ครอบครัวที่แท้จริงของเธอคือกลุ่มนักเต้น “410” และ ไทเลอร์ เกจ (แชนนิ่ง เททั่ม) เพื่อนบ้านที่คอยดูแลและปกป้องเธอตลอดมา
หลังจากโดดเรียนเป็นร้อยครั้งเพื่อไปซ้อมเต้นกับกลุ่ม 410 ซาร่าก็เหลืออดกับแอนดี้ และตั้งท่าจะส่งเธอไปอยู่กับป้าในเท็กซัส แต่โชคดีที่ไทเลอร์ยื่นมาเข้ามาช่วย โดยเกลี้ยกล่อมให้ซาร่าปล่อยให้แอนดี้อยู่ในบัลติมอร์ ถ้าแอนดี้ยอมเข้าเรียนในโรงเรียนสอนศิลปะแห่งแมรี่แลนด์ ซึ่งแอนดี้ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากยอมเข้าไปเรียน
เมื่อเข้าไปเรียนในโรงเรียนสอนศิลปะสุดไฮโซประจำรัฐ แอนดี้ก็ต้องดิ้นรนเพื่อปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่ ขณะเดียวกันก็พยายามรักษาวิถีชีวิตเดิมไว้ แต่ไม่นานเธอก็วุ่นอยู่กับกิจกรรมของโรงเรียนใหม่ และพลาดนัดซ้อมกับ 410 หลายครั้ง จนถูกขับออกจากกลุ่ม แต่แอนดี้ไม่ยอมแพ้ เธอเข้าร่วมทีมเต้นของนักเต้นสุดฮอตประจำโรงเรียน เชส คอลลินส์ (โรเบิร์ท ฮอฟแมน) ที่ลงสมัครเข้าแข่งขันการเต้นใต้ดินของบัลติมอร์ที่เรียกว่า “เดอะสตรีทส์” ความรู้สึกดีๆก่อตัวขึ้นระหว่างแอนดี้และเชส สุดท้ายแอนดี้ก็ค้นพบหนทางในการมีชีวิตอยู่กับฝันของตัวเอง พร้อมๆกับสร้างสะพานเชื่อมสู่สังคมใหม่ที่เธอรู้สึกแปลกแยกในตอนแรก
เกี่ยวกับงานสร้าง
ไม่สำคัญว่าคุณมาจากไหน สำคัญที่ตอนนี้คุณอยู่ทีไหนต่างหาก
“Step Up 2: The Streets” คือภาคต่อของภาพยนตร์สุดฮิตบนตารางบ็อกซ์ออฟฟิศ “Step Up” กับความมันส์อีกระดับของสตรีทแดนซ์ และเรื่องราวจี๊ดใจใหม่ของความฝัน หัวใจ และร่างกาย แอนดี้ (บริอาน่า เอวิแกน) คือเด็กนอกกรอบที่พยายามจะปรับตัวเข้ากับโรงเรียนสอนศิลปะแห่งรัฐแมรี่แลนด์สุดไฮโซ แต่ก็ยังคงเดินตามความฝันเดิม นั่นคือการเต้นกับทีมเต้นใต้ดินของบัลติมอร์ ส่วน เชส (โรเบิร์ท ฮอฟแมน) คือดาวเด่นของโรงเรียนที่พยายามสร้างสิ่งที่แตกต่างด้วยการรวบรวมสมาชิกเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันเต้นสตรีทแดนซ์ที่ใหญ่ที่สุดและดิบที่สุดของบัลติมอร์ที่ชื่อว่า “เดอะสตรีทส์” เมื่อแอนดี้เข้าร่วมทีมกับเชส ประกายความรักก็ปะทุขึ้นระหว่างทั้งคู่ ทำให้โลกสองโลกของแอนดี้ต้องมาปะทะกัน ขณะที่การเต้นทวีความร้อนแรงขึ้น ความกดดันในชีวิตของแอนดี้ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เธอต้องเรียนรู้ที่จะสร้างสะพานเชื่อมระหว่างความรักและความภักดี, อิสระและโอกาส และระหว่างสิ่งที่เธอเป็นกับสิ่งที่เธอเชื่อว่าตัวเองเป็นได้
Step Up 2: The Streets คือผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของผู้กำกับหน้าใหม่อนาคตไกล จอห์น ชู ที่ขับเคลื่อนด้วยการเต้น, ดนตรี และการแสดงสะกดสายตาเช่นเดียวกับภาคแรก นำแสดงโดยทีมนักแสดงวัยรุ่นหน้าใหม่ที่มีพรสวรรค์ด้านการเต้นที่น่าทึ่งและต้องพิสูจน์ตัวเองยาวนานกว่าจะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับตัวละคร นอกจากนี้ทีมงานเบื้องหลังยังมีหลายคนที่มาจาก Step Up ภาคแรก ไม่ว่าจะเป็น นักออกแบบท่าเต้นฮิปฮอปชื่อดัง จามอล ซิมส์ ที่คราวนี้เขาได้ร่วมงานกับ นาดีน “ไฮ แฮท” รัฟฟิน (เจ้าของฉายา “ราชินีฮิปฮอปแดนซ์”) และ เดฟ สก๊อตต์ (Stomp the Yard) ผู้อำนวยการสร้างก็เป็นทีมเดิมเช่นกัน ได้แก่ แพทริค วอชเบอร์เกอร์ และเอริค ฟีค จาก Summit Entertainment ร่วมด้วย อดัม แชงค์แมน และเจนนิเฟอร์ กิ๊บก็อต จาก Offspring Entertainment อำนวยการสร้างบริหารโดย บ๊อบ เฮย์เวิร์ด, เดวิด นิกเซย์, แอนน์ เฟล็ทเชอร์ และเมเรดิธ มิลตัน เขียนบทโดย โทนี่ แอนน์ จอห์นสัน และคาร์เรน บาร์นา โดยอิงจากตัวละครที่สร้างสรรค์โดย ดวน แอดเลอร์
นักแสดงนำในเรื่องนี้เต้นเองทุกคน รวมถึง บริอาน่า เอวิแกน, โรเบิร์ท ฮอฟแมน (She’s the Man, You Got Served) และวิล เคมพ์ (Van Helsing) ร่วมแสดงโดย ศิลปิน/นักแสดง/นางแบบ แคสซี่ เวนทูร่า, ซอนย่า ซอห์น, อดัม จี เซวานี่, เทลิช่า ชอว์, แดเนียล โปลันโก และแบล็ค โธมัส สมทบทีมนักแสดงด้วยทีมสตรีทแดนเซอร์มากพรสวรรค์ที่มาจากการออดิชั่น
เพลงประกอบภาพยนตร์ของ Step Up 2: The Streets ออกจำหน่ายภายใต้สังกัด Atlantic Records โดยเป็นผลงานฮิตของศิลปินแร็พ, ฮิปฮอป และอาร์แอนด์บี ชื่อดังมากมาย รวมถึงเพลง Low ของ Flo-Rida ที่ร่วมแจมโดย T-Pain พร้อมด้วยซิงเกิ้ลใหม่และมิวสิควิดีโอจาก T-pain, Missy Elliot, Enrique Iglesias, Trey Songz, Plies, Cassie, Cherish, Joc และอีกหลายเพลง
จากเวทีกลับสู่ข้างถนน กับเรื่องราวใหม่
ย้อนไปเมื่อฤดูร้อน 2006 Step Up ได้จุดประกายผู้ชมด้วยนิยายรักจังหวะฮิปฮอปกับเรื่องราวของวัยรุ่นหนุ่มสาวคู่หนึ่งจากโรงเรียนสอนศิลปะสุดไฮโซที่เสี่ยงทุกอย่างเพื่อกันและกันและเพื่อความฝันด้านการเต้น หนังกำกับการแสดงโดย แอนน์ เฟล็ทเชอร์ และนำแสดงโดย แชนนิ่ง เททั่ม ความเร้าใจและโรแมนติคทำให้หนังประสบความสำเร็จบนตารางบ็อกซ์ออฟฟิศ โดยทำเงินไปถึง 20 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในสัปดาห์เปิดตัว
ความสำเร็จของ Step Up ทำให้มีการพูดคุยเรื่องการสร้างภาคต่อทันที แต่ผู้อำนวยการสร้างเดิมอย่าง แพทริค วอชเบอร์เกอร์ และเอริค ฟีค จาก Summit Entertainment และอดัม แชงค์แมน และเจนนิเฟอร์ กิบก็อต จาก Offspring Entertainment ไม่อยากดำเนินเรื่องราวแบบนิทานสอนใจเหมือนในภาคแรก แต่พวกเขาตัดสินใจสร้างฉากหลังให้ดูสดใหม่ ซึ่งได้แก่ โรงเรียนสอนศิลปะประจำรัฐแมรี่แลนด์ แหล่งรวมตัวของวัยรุ่นผู้มีพรสวรรค์ด้านศิลปะ และนำเสนออารมณ์ดราม่าที่เข้มข้นและภาพการเต้นที่เร้าใจกว่าเดิมแก่ผู้ชม
ขณะที่ Step Up ภาคแรกเล่าเรื่องราวของนักเต้นที่พยายามก้าวจากข้างถนนสู่บนเวที Step Up 2: The Streets จะกลับกัน กล่าวคือ นักเรียนจากโรงเรียนศิลปะสุดหรูจะกลับลงไปเต้นในการแข่งขันใต้ดินสุดเร่าร้อนและครีเอท ช่องว่างอันคลุมเครือระหว่าง 2 โลกที่ต่างกันนี้เองที่ทำให้ตัวละครต้องเผชิญกับความขัดแย้งเรื่องความรัก, ความทะเยอทะยาน และความภักดีที่ทำให้พวกเขาพร้อมจะโตเป็นผู้ใหญ่
ในช่วงที่กระแสหนังเต้นมาแรง (รวมถึง หนังเพลงสุดฮิตปี 2007 เรื่อง Hairspray ของแชงค์แมน) และคนอเมริกันหันมาตื่นตัวกับการประกวดเต้นมากขึ้น ทีมงานต้องพยายามสร้างให้ Step Up 2: The Streets มีสไตล์เป็นของตัวเองและมีเรื่องราวที่สมจริง
เหล่าผู้อำนวยการเลือกผู้กำกับรุ่นใหม่แต่ฝีมือเข้าตา จอน ชู มานั่งแท่นผู้กำกับของโปรเจ็คต์นี้ ชูจบการศึกษาจากโรงเรียนสอนศิลปะภาพยนตร์ USC และเป็นอดีตนักเต้นที่ชนะรางวัลหนังสั้นหลายรางวัล (Silent Beats, While the Kids Were Away และ The Little Foreigner) โดยได้รับคำชมและความสนใจมากมายในแง่การเล่าเรื่องที่คมคายและการออกแบบท่าเต้นที่สร้างสรรค์
ชูคือผู้กำกับที่กระตือรือร้นอย่างที่ทีมผู้สร้างต้องการ ผู้อำนวยการสร้าง เจนนิเฟอร์ กิบก็อต เล่าว่า “ตอนที่จอนเข้ามาคุย เขามีไอเดียเจ๋งๆเรียบร้อยแล้ว เขาพร้อมที่จะโชว์สิ่งที่เขามี นั่นคือ ความรักการเต้น, ความคิดสร้างสรรค์ และความหลงใหลการเล่าเรื่อง”
ผู้อำนวยการสร้างบริหาร เดวิด นิคเซย์ กล่าวเสริมว่า “ตัวจอนเองก็เป็นนักเต้น ที่สำคัญ เขาเข้าใจวิถีแบบสตรีท เข้าใจความรู้สึกของคนที่ต้องเต้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต รู้ว่าอะไรคือแรงบันดาลใจของนักเต้น และอะไรที่ทำให้หนังเต้นออกมาดี”
ชูเริ่มงานทันที โดยย้าย Step Up 2: The Streets จากห้องโถงซ้อมเต้นอันโอ่อ่าในโรงเรียนสู่การแข่งเต้นใต้ดินต้องห้ามชื่อ “เดอะสตรีทส์” ที่บรรดากลุ่มเท้าไฟทั้งหลายต้องการเป็นหนึ่ง จุดมุ่งหมายของชูคือสร้างอารมณ์ใหม่ให้ตัวหนัง กล่าวคือ เรื่องราวของภาคนี้จะเข้มข้นกว่า รูปแบบจะก้าวร้าวกว่า แต่ก็ยังมีความอ่อนโยน และความหวังเช่นเดียวกับภาคแรก
“ผมต้องการยกทุกอย่างขึ้นอีกขั้น เพราะการเต้นในหนังภาคแรกสวยมาก ครั้งนี้เราเลยใช้รูปแบบการเต้นแบบสตรีทที่แตกต่างและดิบกว่า ซึ่งเราผสมการเคลื่อนไหวหลายรูปแบบเอาไว้ ตั้งแต่การเต้นแท็ป กระโดดเชือก เต้นซัลซ่า เต้นป๊อป เต้นล็อค และเบรกแดนซ์” ชูกล่าว “นั่นทำให้เกิดตัวละครใหม่ๆหลายตัวด้วย”
ชูรู้สึกสนใจโปรเจ็คต์นี้เพราะบทหนังของ โทนี่ แอนน์ จอห์นสัน และ คาเรน บาร์น่า ที่พูดถึงโรงเรียนสอนศิลปะประจำรับแมรี่แลนด์ในช่วงกำลังยุ่งเหยิงและเปลี่ยนแปลง รวมทั้งสูญเสียตัวตนและความสัมพันธ์อันงดงามที่ครั้งหนึ่งเคยมีต่อเมืองบัลติมอร์ นอกจากนี้บทหนังยังแนะนำตัวละครนำใหม่ 2 ตัว ได้แก่ “แอนดี้ เวสต์” นักเต้นฮิปฮอปสาวหัวขบถผู้รักอิสระที่ยังคงเศร้ากับการจากไปของแม่ และถูกบังคับให้ไปเรียนที่โรงเรียนศิลปะประจำรัฐ ซึ่งเธอต้องดิ้นรนให้เข้ากับที่นั่นให้ได้ และ “เชส” หนุ่มฮอตประจำโรงเรียนที่รู้สึกไม่แน่ใจในอนาคตของโรงเรียน และของตัวเขาเอง
แอนดี้คือคนนอก เชสคือคนดัง แต่ทั้งคู่รักในสิ่งเดียวกัน นั่นคือการเต้นแนวสตรีทที่ทั้งดิบและสร้างสรรค์ แต่เป็นสิ่งต้องห้ามของโรงเรียน ความชอบในการเต้นสไตล์เดียวกันทำให้ทั้งคู่โคจรมาพบกันในฐานะคู่แข่งและคู่หูที่ไม่ค่อยลงรอยในการแข่งตเนใต้ดินชื่อว่า “เดอะสตรีท”
ผู้อำนวยการสร้าง เจนนิเฟอร์ กิบก็อต กล่าวว่า “หนังภาคนี้เปลี่ยนไปจากภาคแรกมาก เพราะมันพูดถึงคนที่ถูกรังแก, คนที่เข้ากับสังคมไม่ได้, คนที่ไม่มีใครต้องการและเชื่อถือ แอนดี้เปลี่ยนโรงเรียนและเปิดตาครูใหญ่ให้ยอมรับการเต้นรูปแบบใหม่โดยที่เธอไม่ได้พยายามอะไรมากมาย อย่างไรก็ตาม นี่คือเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก ความหวัง และความเชื่อมั่นในตนเอง เช่นเดียวกับหนังภาคแรก”
ชูเสริมว่า “หนังเรื่องนี้สนุกมาก แต่ก็พูดถึงเรื่องซีเรียสอย่างการครอบครองโลกที่คุณอยู่ มีความสุขกับสิ่งที่ทำให้คุณแตกต่างและพิเศษ คนเราต่างรู้สึกโดดเดี่ยว หรือแปลกแยกในบางครั้ง ผมคิดว่าความรู้สึกแบบนั้นไม่เคยหายไปไหน ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ หรือเป็นใครมาจากไหน บางครั้งคุณก็ต้องการให้ใครสักคนมาเตือนว่าชีวิตข้างหน้ายังอีกไกล และโลกจะเป็นอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง”
ที่สำคัญ ผู้กำกับชูได้สร้างแก่นเรื่องด้วยการผสมผสานรูปแบบการเต้นที่หลากหลายเข้ากับความรู้สึกต่างๆของตัวละคร ทั้งความโกรธ ความสงสัย ความรัก และความยินดีที่ได้ค้นพบความเชื่อที่แท้จริง ชีวิตและความปรารถนาของตัวละครถูกถ่ายทอดออกมาในทุกท่วงท่าการเต้น
ผู้กำกับชูอธิบายว่า “สิ่งที่ผมรักที่สุดเกี่ยวกับตัวละครใน Step Up 2: The Streets คือ เมื่อคำพูดไม่พอใช้สื่อสาร พวกเขาก็สามารถหาทางอื่นถ่ายทอดสิ่งที่ต้องการได้ นั่นคือใช้ร่างกาย ร่างกายของพวกเขาพูดได้ นั่นคือเรื่องธรรมดามากในหมู่พวกเขา และเป็นแรงขับดันของหนังด้วย”
ผู้อำนวยการสร้าง เอริค ฟีค เผยความรู้สึกว่า “ที่บริษัท Summit เราภูมิใจกับ Step Up 2 มาก หนังคือความบันเทิงชั้นดีที่ทำให้คุณอารมณ์ดีขึ้นหลังดูจบ ซึ่งเดี๋ยวนี้หาหนังแบบนี้ยาก จอน ชู ผลักดันหนังเรื่องนี้ไปไกลกว่าที่เราทุกคนคาดไว้ ด้วยท่าเต้นสะกดสายตา ตัวละครที่ทุกคนเข้าถึงได้และพร้อมเอาใจช่วย และดนตรีสุดเจ๋ง”
รู้จักตัวละคร
โรเบิร์ท ฮอฟแมน รับบท เชส
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเชสคือดาวโรงเรียน เขาทั้งมีเสน่ห์ เท่ และมีทักษะการเต้นโดดเด่นแบบสามารถเป็นนักเต้นมืออาชีพได้สบาย ซึ่งเขารู้ตัวดี แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความกดดันหมดไป เพราะเขาไม่ได้ต้องการแค่เก่งเฉยๆ แต่ต้องการแตกต่างและโดดเด่นด้วย เขาต้องการค้นหาความแข็งแกร่งเพื่อเป็นตัวของตัวเอง สุดท้าย เขาต้องยืดหยัดสู้กับเบลค พี่ชายที่เป็นครูสอนเต้นแนวคลาสสิคผู้เข้มงวด เพื่อเปลี่ยนแปลงและนำอิสระและความคิดสร้างสรรคืกลับสู่สถานที่ที่เขารัก
ทีมสร้างรู้ดีว่าการเลือกนักแสดงมารับบท เชส คือกุญแจสู่นักแสดงคนอื่นๆ และสำคัญกับการสร้างความรู้สึกดีๆระหว่างแอนดี้กับเชสด้วย เพราะนั้นเชสคือตัวละครสำคัญอันดับหนึ่งตั้งแต่เริ่มสร้าง การค้นหาทำให้ทีมงานได้ค้นพบ โรเบิร์ท ฮอฟแมน ที่เริ่มเรียนเต้นตั้งแต่อนุบาลและเชี่ยวชาญการเต้น ทุกรูปแบบ ตั้งแต่ แท็ป, บัลเล่ต์, แจซ และฮิปฮอป เช่นเดียวกับเชส โดยได้รับรางวัลการันตีความสามารถจากหลายเวที
ฮอฟแมนแจ้งเกิดในซีรี่ย์ของ MTV เรื่อง Wild ‘N Out, แสดงภาพยนตร์เรื่องแรกคือ You’ve Got Served และได้รับบทเด่นใน She’s the Man ที่นำแสดงโดย อแมนด้า ไบนส์ และ แชนนิ่ง เททั่ม เห็นได้ชัดตั้งแต่เริ่มออดิชั่นแล้วว่าเขาเหมาะกับบทนี้ที่สุด “โรเบิร์ทเป็นธรรมชาติและดูสมจริงมาก” ผู้กำกับ จอน เอ็ม ชู กล่าว “เขามีเสน่ห์แบบเด็กมัธยมปลาย แต่ก็มีทักษะการเต้นที่น่าทึ่ง เรารู้เลยว่าเขาคือคนที่จะมารับบทนี้”
ฮอฟแมนถ่ายทอดความเป็นเชสออกมาได้ดีมากเพราะเขาเข้าใจตัวละครตัวตั้งแต่ต้น “เชสเป็นหนุ่มฮอตของโรงเรียนที่มีทุก อย่างพร้อม แต่อย่างเดียวที่เขาไม่มีคือคนที่คอยบอกให้เขาเชื่อมั่นในความคิดและการเต้นของตัวเอง คนที่คอยบอกให้เขาเต้นอย่างที่อยากเต้น เต้นออกมาจากภายใน ซึ่งคล้ายๆกับตัวผม” ฮอฟแมนกล่าว “พอแอนดี้เข้ามา เชสก็กะปรี้กะเปร่าขึ้นอีกครั้ง ความหลงใหลในการเต้นของเขากลับมา เธอแสดงให้เขาเห็นว่าการเต้นออกมาจากใจเป็นยังไง การเป็นตัวของตัวเองเป็นยังไง ซึ่งนั่นเปลี่ยนแปลงทุกอย่างสำหรับเขา”
“ในฐานะคนที่ฝึกเต้นตั้งแต่เด็ก และต้องการแค่เรียนรู้จากคนที่เป็นแรงบันดาลใจและจากนั้นก็เป็นแรงบันดาลใจให้คนอี่นๆต่อ ผมรู้สึกว่าการเป็นส่วนหนึ่งของหนังเรื่องนี้คือฝันที่เป็นจริง”
สำหรับ จอน ชู เสน่ห์ของฮอฟแมนเปล่งประกายเมื่อเขาตัดสินใจแหกกฎและทำตามหัวใจตัวเอง “เมื่อคุณเห็นโรเบิร์ทกับเชสปลดปล่อยลีลาเต้นบนฟลอร์ คุณจะรู้เลยว่าฮิปฮอปคือศิลปะรูปแบบหนึ่ง และแม้แต่พี่ชายของเขาก็มองเห็น” ชูกล่าว “โรเบิร์ททำให้การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้น”
บริอาน่า เอวิแกน รับบท แอนดี้
หัวใจของ Step Up 2: The Streets คือ แอนดี้ สาวน้อยจากละแวกบ้านเดียวกับ ไทเลอร์ เกจ (แชนนิ่ง เททั่ม) ตัวละครหลักของภาคแรก ที่พยายามเอาชนะอดีตอันเจ็บปวดของตัวเองและปรับตัวเข้ากับโรงเรียนใหม่ให้ได้ ขณะที่พยายามซื่อสัตย์กับปูมหลังบนถนนเมืองบัลติมอร์ของตัวเอง สำหรับตัวละครนี้ ทีมงานต้องการนักแสดงที่มีทั้งทักษะการเต้นและการแสดง เช่นเดียวกับตัวละครเชส ซึ่งพวกเขาได้ค้นพบนักแสดงหน้าใหม่ไฟแรง บริอาน่า เอวิแกน ที่เริ่มเรียนเต้นตั้งแต่ 7 ขวบ กับนักออกแบบท่าเต้นฮิปฮอปชื่อดัง เชน สปาร์ค (จากรายการ So You Think You Can Dance?) และปรากฏตัวอย่างต่อเนื่องในมิวสิควิดีโอและภาพยนตร์อิสระหลายเรื่อง
อุณภูมิในห้องร้อนขึ้นทันทีที่เอวิแกนอ่านบทกับโรเบิร์ท ฮอฟแมน ทีมงานรู้ทันทีว่าเธอคือแอนดี้ “ตอนที่เขาสองคนอ่านบทด้วยกันมันอัศจรรย์มาก” ผู้กำกับชูเล่า “แอนดี้มีชีวิตขึ้นมา เธอกับโรเบิร์ทมอบพลังให้กันและกันอย่างที่เราหวังไว้”
เอวิแกนรู้สึกสนใจบทนี้ทันทีเพราะเธอเองก็ต้องดิ้นรนในการเป็นนักแสดงเช่นเดียวกับที่ตัวละครของเธอดิ้นรนเรื่องการเต้น “ตอนแรก แอนดี้อาจจะสูญเสียอะไรหลายอย่างในชีวิต แต่เธอมีเป้าหมาย มีความฝัน และไม่ยอมให้อะไรมาขวางทาง” เอวิแกนกล่าว “แม่ของแอนดี้เสีย พ่อก็ไม่มี และเธอไม่ค่อยไว้ใจพวกผู้ชาย แต่เธอค่อยๆเรียนรู้ว่าบางครั้งต้องทิ้งบางอย่างไว้เบื้องหลังเพื่อเปิดทางให้สิ่งที่ฝันกลายเป็นจริง สุดท้ายเธอก็ตกหลุมรักผู้ชายที่เธอปฏิเสธมาตลอด และได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของความเชื่อ และความนับถือ”
ในด้านการเต้น เอวิแกนต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบจากที่คุ้นเคย โดยพยายามเลียนแบบการเต้นที่แข็งแรงและดุเดือดแบบสตรีท “ฉันต้องเพลาๆท่าเซ็กซี่ที่เคยเต้นแล้วลองฝึกเต้นแบบแรงๆ มันก็ท้าทายอยู่นะ แต่ฉันชอบและได้เรียนรู้อะไรเยอะเลย แล้วฉันก็ชอบบุคลิกที่โดดเด่นของสมาชิกทีมเต้นแต่ละคนด้วย ตัวนักเต้นและความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างพวกเขาเด่นกว่าในหนังเรื่องไหนที่ฉันเคยดูมา”
ที่สำคัญ เอวิแกนได้แรงบันดาลใจจากจิตวิญญาณของแอนดี้ที่เหมือนกับทำให้เธอได้เปิดทัศนคติใหม่ “เมื่อถึงเวลาแย่ๆที่ทุกอย่างพังหมด และคุณรู้สึกไม่มีที่พึ่ง แอนดี้จะแสดงให้เห็นว่าคุณต้องเข้มแข็งและก้าวต่อไป อย่ายอมให้ใครเข้ามาขวางทางสู่ความฝันคุณได้”
แคสซี่ เวนทูร่า รับบท โซฟี
เมื่อแอนดี้เข้ามาเรียนที่โรงเรียนใหม่ เธอก็โดนเหม็นขี้หน้าจากดาวโรงเรียนสวยเก่งชื่อ “โซฟี” ที่เป็นทั้งนักแสดง นักร้อง และนักเต้น ที่สำคัญเธอเป็นแฟนเก่าขี้อิจฉาของเชส สำหรับบทนี้ ทีมงานตัดสินใจเลือกหน้าใหม่อีกคนมาแสดง นั่นคือ แคสซี่ เวนทูร่า ศิลปินอาร์แอนด์บีวัยรุ่นชื่อดังที่มีผลงานการแสดงเรื่องแรกคือเรื่องนี้และมอบเพลงหนึ่งให้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ด้วย
แม้แคสซี่จะเป็นนักร้องเช่นเดียวกับตัวละคร แต่ปรากฎว่าเธอเป็นนักแสดงคนเดียวในทีมที่ไม่มีประสบการณ์การเต้นมาก่อน แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรคใหญ่สำหรับแคสซี่ เพราะเธอฝึกหนักมากเพื่อจะได้แสดงออกมาได้ดีที่สุด “ฉันว่าฉันเป็นคนเดียวในกองถ่ายที่ไม่เคยเรียนเต้น” เธอยอมรับ “แต่ฉันคิดว่าถ้าฉันทุ่มเทให้กับบท คนดูจะต้องรู้สึกได้ ฉันก็เลยลองดู”
ผู้กำกับ จอน ชู ไม่ได้แค่ประทับใจในความกล้าหาญของแคสซี่ที่โดดมารับบทนี้เท่านั้น แต่ยังปลื้มมากที่เธอถ่ายทอดความเกรี้ยวกราดรุนแรงของโซฟีออกมาได้ดี “ทันทีที่โซฟีเดินเข้ามาในห้อง จะรู้สึกได้เลยว่าเธอครองพื้นที่ของตัวเอง” ชูกล่าว “และผมว่าแคสซี่สนุกกับการแสดงบทร้าย เพราะตัวจริงเธอน่ารักมาก เธอเข้าใจว่าโซฟีมีจุดเปลี่ยน โซฟีไม่ได้เป็นตัวร้ายเสียทีเดียว เพราะลึกๆแล้ว เธอก็หลงทางเหมือนกัน และสุดท้าย เธอก็ถูกผลักดันให้ทำสิ่งที่ดีงามเป็นรั้งแรกในชีวิต”
แคสซี่ชอบถ่ายทอดความเปลี่ยนแปลงภายในของโซฟี จากคนเห็นแก่ตัวไปเป็นคนที่มองโลกกว้างขึ้น “ตอนแรก โซฟีเป็นคนที่มีเป้าหมายชัดเจนมาก เกือบจะเหมือนเครื่องจักร” แคสซี่ตั้งข้อสังเกต “เธอปิดกั้นความรู้สึกของตัวเอง แต่เมื่อได้รู้จักกับแอนดี้ เธอก็เปิดใจให้ความรู้สึกตัวเองอีกครั้ง และมองเห็นความสำคัญของคนอื่น”
ออกแบบท่าเต้น
ผู้กำกับ จอน ชู ต้องการให้ Step Up 2: The Streets มีบรรยากาศและความรู้สึกที่โดดเด่น แบบที่รวมไอเดียบรรเจิดและความดิบของการเต้นแนวสตรีทไว้อย่างสมจริง เขารู้ว่าท่าเต้นในหนังเรื่องนี้ต้องดูแข็งแรงและไม่ซ้ำใคร เพราะฉะนั้นเขาจึงใช้บริการของ 3 นักออกแบบท่าเต้นฮิปฮอประดับตำนาน ที่ช่วยกันผสานการเต้นแบบต่างๆจนทำให้หนังมีสไตล์ที่ดิบและโดดเด่นอย่างน่าทึ่ง
หัวหอกการออกแบบท่าเต้นคือ จามอล ซิมส ผู้ออกแบบท่าเต้นให้ แชนนิ่ง เททั่ม ใน Step Up ภาคแรกที่กำกับโดย แอนน์ เฟล็ทเชอร์ ทั้งยังร่วมงานกับ อดัม แชงค์แมน ในภาพยนตร์เพลงเรื่อง Hairspray ด้วย โดยฉากฝีมือเขาที่น่าจดจำคือฉากการเต้นที่บ้านของมิสซี่ที่ผสานทั้งฮิปฮอปและซัลซ่าเอาไว้
ซิมส์ร่วมงานกับ นาดีน “ไฮแฮท” รัฟฟิน นักออกแบบท่าเต้นฮิปฮอปหญิงผู้มีชื่อเสียงเรื่องท่าเต้นที่ทรงพลังและสร้างสรรค์สำหรับผู้หญิง โดยเธอโด่งดังจากมิวสิควิดีโอหลายตัว รวมถึงของ มิสซี่ เอลเลียตต์ ด้วย เพราะความสดใหม่และสมจริงของงาน ไฮแฮททำงานร่วมกับทีม 410 โดยออกแบบท่าเต้นให้สมาชิแต่ละคน ซึ่งเป็นการผสานการเต้นเบรคแดนซ์, ป๊อป และล็อค แม้กระทั่งเตียงผ้าเด้งดึ๋ง เธอก็ยังเอามาใช้ เพื่อทำให้การเต้นเหนือชั้นขึ้นไปอีก
นักออกแบบท่าเต้นอีกคนหนึ่งคือ เดฟ สก๊อตต์ จากเมืองคอมป์ตัน ที่ทำงานมาแล้วหลายรูปแบบ ทั้งละครเวที, ภาพยนตร์ และละครโทรทัศน์ แต่ผลงานที่ทำให้เขาเป็นที่ยอมรับในวงกว้างคือภาพยนตรืเรื่อง “Stomp the Yard”
เพลงประกอบ Step Up 2 The Streets
ตัวละครใน Step Up 2 The Streets คงเต้นกันไม่ออกหากไม่มีดนตรีจังหวะมันส์ๆมาเร้าอารมณ์ ทีมงานได้กลับไปหานักแต่งเพลง บัค เดม่อน ที่เป็นคนรวบรวมเพลงประกอบ Step Up ภาคแรก เพื่อรวบรวมเพลงที่เร้าใจเช่นเดิม แต่สดใหม่กว่าในภาคนี้ ซึ่งเดม่อนได้ติดต่อศิลปินฮิปฮอป, แร็พ และอาร์แอนด์บีเพื่อมาช่วยกันแต่งเพลงอารมณ์สตรีทลงอัลบั้มนี้
“ภาคแรกเป็นเรื่องของการเต้นฮิปฮอปปะทะคลาสสิค แต่คราวนี้จะเป็นเรื่องของนักเต้นที่กลับไปไปโชว์ลวดลายบนถนน เราก็เลยอยากให้เพลงเป็นแนวฮิปฮอปแท้ๆ” เดม่อนกล่าว “เราฉีกแบบแผนเดิมเกือบหมด มีดนตรีออเคสตราน้อยลงกว่าเดิมเยอะ และตอนนี้มีหลายเพลงที่กำลังขึ้นชาร์ท”
เดม่อนทำงานอย่างเข้าขากับผู้กำกับ จอห์น ชู และ มิทเชล ลีบ ประธานฝ่ายดนตรีและเพลงประกอบแห่ง Walt Disney Pictures และ Atlantic Records ที่ให้ยืมศิลปินไฟแรงในสังกัดหลายคน ซึ่งเดม่อนบอกว่า “พวกเขาเจ๋งมาก”
ผู้นำขบวนศิลปินในอัลบั้มนี้คือ แร็ปเปอร์, นักร้อง, นักเขียนเพลง และโปรดิวเซอร์หญิงชื่อดัง มิสซี่ เอลเลียตต์ เจ้าของ 6 อัลบั้มเพลงขายดีระดับแพลตตินัม จนกลายเป็นศิลปินแถวหน้าคนหนึ่งของรุ่น “เพลงหนึ่งที่ผมชอบเป็นพิเศษคือ Ching-a-Ling ของมิสซี่ เอลเลียตต์ มันเจ๋งมาก และเข้ากันสุดๆกับหนัง” เดม่อนชม
นอกจากนี้เดม่อนยังชวนดาวรุ่งจากไมอามี่ Flo Rida และศิลปินโซลแดนใต้ผู้เข้าชิงรางวัลแกรมมี่ T-Pain มาร่วมกันทำเพลง “Low” ที่เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบท่าเต้นของ จามอล ซิมส์ และกลายเป็นซิงเกิลฮิตอันดับ 1 เมื่อไม่นานมานี้ นอกจากนี้เดม่อนยังตื่นเต้นที่ได้แร็ปเปอร์เจ้าของรางวัลแกรมมี่จากแอตแลนตาอย่าง Yung Joc มาร่วมงานในเพลง Girl You Know ที่กำลังไต้ชาร์ทอยู่เช่นกัน
ศิลปินคนอื่นๆที่ร่วมงานในอัลบั้มนี้ ได้แก่ ป๊อปสตาร์ชิ้อดังชาวสเปน เอนริเก้ อิเกลเซียส, นักร้อง/นักแต่งเพลงอาร์แอนด์บีร่วมสมัย Trey Songz, วงป๊อป/โซลหญิง Cherish ที่มาร่วมงานกับศิลปินฮิปฮอปใต้ดินจากเมเยอร์ Plies และศิลปินชาวเซเนกัลชื่อดังผู้เข้าชิงรางวัลแกรมมี่ Akon, ฝาแฝดอาร์แอนด์บีชื่อดังวัย 20 ปี Brit & Alex ร่วมด้วย Cassie นักร้องอาร์แอนด์บีสาวที่รับบทเป็นโซฟีในหนัง, ศิลปินวัยทีนชาวไอริช ลอร่า อิซิเบอร์ และนักร้องแนวโซลเสียงหวาน เควิน ไมเคิล “ผมค่อนข้างผสมเพลงหลายแนวในอัลบั้มนี้ เพราะฉะนั้นแม้หนังจะมีบรรยากาศฮิปฮอปอยู่เต็มเปี่ยม แต่จะได้ยินจังหวะอื่นๆที่น่าสนใจอีกหลายแนว ซึ่งไปได้ดีกับภาษาภาพยนตร์” เดม่อนกล่าวสรุป
ความท้าทายอีกอย่างหนึ่งของเดม่อนคือการแปลงบางเพลงที่เหล่าแดนเซอร์ใช้เต้นในหนังให้เป็นเพลงใหม่ตามที่ทีมงานเลือกตอนช่วงโพสต์โปรดักชั่น “มันเป็นสิ่งที่คุณทำหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ได้” เดม่อนกล่าว “ฟังดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้ารู้วิธีจับคู่จังหวะ คุณจะทึ่งว่าสามารถทำให้การเต้นดูดีขึ้นในเพลงใหม่มากแค่ไหน”
ศิลปินอีกกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาร่วมทำอัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์ Step Up 2: The Streets คือผู้ชนะจากโครงการ Sing on the Soundtrack Contest ที่เปิดโอกาสให้คนจากบ้านได้โชว์ฝีมือด้านดนตรีเพื่อลุ้นการได้ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์, เต้นในมิวสิควิดีโอ หรือปรากฏตัวในภาพยนตร์ โดยใช้ช่องทางอินเตอร์เนทเป็นสื่อ “มันเป็นอะไรที่สนุกมากในการให้โอกาสคนอื่นทำความฝันด้านดนตรีให้เป็นจริง” เดม่อนกล่าว สำหรับทีมผู้สร้างหนัง การประกวดครั้งนี้ถือเป็นวิธีที่เยี่ยมยอดในการกลับคืนสู่หัวใจของหนัง นั่นคือ การกลับออกไปค้นหาดาวดวงใหม่ตามท้องถนน
เกี่ยวกับทีมสร้าง
จอห์น ชู — กำกับการแสดง
ผลงาน >> When the Kids Are Away, Silent Beats
เอริค ฟีค — อำนวยการสร้าง
ผลงาน >> Step Up, In the Valley of Elah, Mr. & Mrs. Smith, Wrong Turn, I Know What You Did Last Summer
เจนนิเฟอร์ กิบก็อต — อำนวยการสร้าง
ผลงาน >> Hairspray, She’s All That, The Wedding Planner
อดัม แชงค์แมน — อำนวยการสร้าง
ผลงาน >> Step Up, Hairspray, Cheaper by the Dozen 2
แพทริค วอชเบอร์เกอร์ — อำนวยการสร้าง
ผลงาน >> Step Up, In the Valley of Elah, Mr. & Mrs. Smith, Wrong Turn, Vanilla Sky
แอรอน ซิกแมน — ดนตรีประกอบ
ผลงาน >> The Notebook, Take the Lead, Step Up, Alpha Dog, Bridge to Terabithia
จามอล ซิมส์ — ออกแบบท่าเต้น
ผลงาน
- ภาพยนตร์ Step Up, Beauty Shop, Vanilla Sky, Garfield
- มิวสิควิดีโอและคอนเสิร์ตของศิลปินชื่อดังหลายราย เช่น Usher, P. Diddy, Outkast, Spice Girls