กรุงเทพฯ--5 พ.ย.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บล. โกลเบล็ก มองหุ้นไทยมีลุ้น Rebound หลังได้แรงหนุนจากสหรัฐ – จีนส่อแววเคลียร์ปัญหาข้อตกลงสงครามการค้ากันได้ บวกสหรัฐกำลังพิจารณาคืนสิทธิ GSP ไทยบางส่วน และ BOI แจ้งยอดขอส่งเสริมการลงทุนน 9 เดือนแรกปี 62 กว่า 3.14 แสนล้านบาท ตามการขยายการลงทุนของญี่ปุ่น จีน จึงให้กรอบดัชนี 1,600-1,640 จุด แนะลงทุนหุ้นเด่นเดือน พ.ย. TACC-PSTC-BCH ส่วนกลยุทธ์ลงทุนทองแนะนำให้รอซื้อเมื่อราคาทองคำปรับตัวลงต่ำกว่า 1,500 ดอลลาร์ และมีจุดขายทำกำไรที่แนวต้าน 1,520 ดอลลาร์
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยมีโอกาส Rebound โดยมีแรงหนุนจากข่าวสหรัฐ-จีนได้บรรลุฉันทามติในหลักการต่างๆแล้ว และมีแนวโน้มลงนามข้อตกลงทางการค้าในกลางเดือนพ.ย.นี้ ประกอบกับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบ WTI เริ่มฟื้นตัว อีกทั้งคาดว่าสหรัฐจะพิจารณาคืนสิทธิ์ GSP บางส่วนให้กับสินค้าไทย โดยจะเปิดให้มีการเจรจาระหว่างกันก่อนมีผลบังคับใช้ในอีก 6 เดือนข้างหน้า
รวมทั้งบีโอไอเผยยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนช่วง 9 เดือนของปี 2562 กว่า 1,100 โครงการ มูลค่า 3.14 แสนล้านบาท และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เพิ่มขึ้น 69% เนื่องจากญี่ปุ่น-จีนขยายลงทุนไทยต่อเนื่องโดย ดังนั้นจึงให้กรอบดัชนี 1,600-1,640 จุด
นางสาว วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวถึงปัจจัยด้านลบที่มีผลต่อการลงทุนในระยะสั้นว่า มีแนวโน้มความเป็นไปได้สูงที่องค์การการค้าโลก (WTO) ไฟเขียวจีนกำหนดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐวงเงิน 3.58 พันล้านดอลล์ต่อปี เนื่องจากสหรัฐไม่ยอมยกเลิกกฎหมายต่อต้านการทุ่มตลาดซึ่ง WTO ตัดสินว่าผิดกฎหมาย และค่าเงินบาทแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 6 ปี ตั้งแต่ต้นปีแข็งค่ากว่า 6.5% กดดันการส่งออกทั้งปีหดตัว ต.ค.นี้
ส่วนประเด็นที่ยังคงต้องจับตาต่อ อาทิ ในวันที่ 5 พ.ย. จีน เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนต.ค.จากไฉชิน สหรัฐ เปิดเผยดุลการค้าเดือนก.ย. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.จากมาร์กิต ดัชนีภาคบริการเดือนต.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนก.ย. และวันที่ 6 พ.ย. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อียู เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.จากมาร์กิต และยอดค้าปลีกเดือนก.ย. สหรัฐ เปิดเผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และในวันที่ 7 พ.ย. จีนเปิดเผยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนต.ค. ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย สหรัฐเปิดจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ รวมทั้งวันที่ 8 พ.ย. จีน เปิดเผยดุลการค้าเดือนต.ค. เยอรมนี เปิดเผยดุลการค้าเดือนก.ย. สหรัฐ เปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ย. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ย. และวันที่ 9 พ.ย. จีน เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค.
ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นเด่นเดือนพ.ย. อาทิ TACC, PSTC, BCH และหุ้นที่แข็งกว่าตลาด เช่น ADVANC, AOT, BEM และ BTS ด้านราคาทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก แนะนำช่วงนี้ราคาทองคำผันผวนในกรอบใหญ่ โดยแนะนำให้รอซื้อเมื่อราคาทองคำปรับตัวลงต่ำกว่า 1,500 ดอลลาร์ และมีจุดขายทำกำไรที่แนวต้าน 1,520 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทย 21,400-21,710 บาทต่อบาททองคำ โดยแนะนำให้ติดตามเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนหากคลี่คลายไปในทางบวกจะเป็นผลลบต่อราคาทองคำ โดยเรามองว่าราคาทองคำเริ่มเข้าสู่ภาวะ sideway หลังเฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 1.75% แต่ทองคำไม่ได้ตอบสนองเชิงบวกมากนัก อีกทั้งกองทุน SPDR เริ่มมีสถานะขายออกมา