กรุงเทพฯ--28 ก.พ.--ปตท.
สภาวะน้ำมันตึงตัวหลังคาดโอเปคไม่เพิ่มการผลิต ดันราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงสุดอีกครั้ง
ปตท. จำเป็นต้องปรับราคาขายปลีกในประเทศทุกชนิดขึ้น 40 สตางค์
ภายหลังที่พยายามชะลอการปรับราคาขายปลีก โดยที่ธุรกิจน้ำมันประสบกับสภาวะขาดทุนแล้วประมาณวันละ 35 ล้านบาท หรือกว่า 300 ล้านบาท จากการที่ค่าการตลาดเฉลี่ยทุกผลิตภัณฑ์อยู่ในระดับติดลบถึง 20 สต./ลิตร ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบและสำเร็จรูปในตลาดโลกผันผวนอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง โดยมีเหตุผลหลักมาจากการที่กลุ่มโอเปค (OPEC) ประกาศจะไม่เพิ่มกำลังการผลิต บวกกับสภาพอากาศที่จะหนาวเย็นลงอีกในยุโรปและสหรัฐอเมริกาฯ ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันยังคงเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ปริมาณน้ำมันอยู่ในภาวะตึงตัว โดยคาดว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปคในเดือนกุมภาพันธ์ จะลดลงจากเดือนมกราคม ประมาณ 0.2 ล้านบาร์เรล/วัน มาอยู่ที่ระดับ 32.4 ล้านบาร์เรล/วัน อีกทั้งรายงานปริมาณน้ำมันสำรอง Light Distillates ของสิงค์โปร์ (ณ วันที่ 20 ก.พ. 51) ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 7.38 ล้านบาร์เรล/วัน นับว่าต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ประกอบกับการเข้าซื้อน้ำมันดิบเพื่อเก็งกำไรของกองทุนเฮดจ์ฟัน (Hedge Funds) รวมทั้งสถานการณ์ด้านการเมืองรอบโลกและในประเทศผู้ผลิตน้ำมันยังคงอยู่ในภาวะตึงเครียด ล้วนส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงพุ่งสูงขึ้น ล่าสุดวันนี้ (27 ก.พ. 51) ราคาน้ำมันดิบ WTI ทำสถิติสูงสุดอีกครั้ง อยู่ที่ระดับ 100.90 เหรียญสหรัฐ / บาร์เรล น้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 91.98 เหรียญสหรัฐ / บาร์เรล ในขณะที่น้ำมันสำเร็จรูปเบนซิน95 อยู่ที่ระดับ 109.42 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ น้ำมันดีเซลอยู่ที่ระดับ 115.73 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฯ กล่าวต่อไปว่า แม้ว่าบริษัทน้ำมันได้ปรับขึ้นราคาขายปลีกทุกชนิดไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่จากสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกที่ยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้ค้าน้ำมันภายในประเทศประสบกับปัญหาขาดทุน เพราะได้พยายามคงราคาเดิมไว้ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระผู้บริโภค ดังนั้นราคาขายปลีกในประเทศจึงมิได้สะท้อนตามต้นทุนที่แท้จริง โดยขณะนี้ค่าการตลาดเฉลี่ยทุกผลิตภัณฑ์อยู่ในระดับติดลบ 20 สตางค์/ลิตร และในส่วนของ ปตท. ได้ช่วยแบกรับภาระแทนผู้บริโภคถึงวันละประมาณ 35 ล้านบาท รวมตลอดทั้งสัปดาห์รับภาระไปแล้วกว่า 300 ล้านบาท ด้วยเหตุนี้ ปตท. จึงจำเป็นต้องพิจารณาปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันในทุกผลิตภัณฑ์ 40 สตางค์ต่อลิตร โดยมีผลตั้งแต่วันนี้ (28 ก.พ. 51) เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในเขตกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑล เป็นดังนี้
หน่วย : บาท/ลิตร
น้ำมันเบนซิน พีทีที E 20 พลัส 27.59 (ถูกกว่าเบนซิน 95 ถึง 6 บาท ม.ค.-มี.ค.51)
น้ำมันเบนซิน พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 95 29.59 (ถูกกว่าเบนซิน 95 ถึง 4 บาท)
น้ำมันเบนซิน พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 91 28.79 (ถูกกว่าเบนซิน 91 ถึง 3.70 บาท)
น้ำมันเบนซิน พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 95 33.59
น้ำมันเบนซิน พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 91 32.49
น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว พีทีที บี5 พลัส 29.44 (ถูกกว่าดีเซล 0.50 บาท)
น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว พีทีที เดลต้า เอ็กซ์ ยูโร ทรี 29.94
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
โทรศัพท์ 0-2537-2571
ส่วนประชาสัมพันธ์ หน่วยธุรกิจน้ำมัน ปตท.