กรุงเทพฯ--5 พ.ย.--อี ฟอร์ แอล
ผู้ถือหุ้น EFORL ไฟเขียวเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 8.05 พันล้านหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 4 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคา 0.05 บาท/หุ้น หวังนำเงินคืนหนี้ – ขยายธุรกิจในอนาคต "ปรีชา นันท์นฤมิต" บิ๊กบอสประกาศความพร้อมเดินหน้าสร้างศักยภาพการดำเนินธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน เน้นแผนเชิงรุกเพิ่มรายได้มากขึ้น หนุนการเติบโตต่อเนื่องระยะยาว เร่งปลดล็อคเครื่องหมาย C
นายปรีชา นันท์นฤมิต ประธานกรรมการ บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) หรือ EFORL ประกอบธุรกิจตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2562 ได้มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 3.18 พันล้านบาท จากเดิม 2.58 พันล้านบาท โดยออกหุ้นใหม่ จำนวน 8,054,212,998 หุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 0.075 บาท โดยจะจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน 4 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 0.05 บาท/หุ้น โดยกำหนดวันจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนของผู้ถือหุ้นเดิมในวันที่ 2, 3, 4, 6 และ 9 ธันวาคม 2562
" คณะกรรมการบริษัทฯขอบคุณผู้ถือหุ้นที่โหวตการเพิ่มทุนในครั้งนี้ผ่านไปด้วยดี ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์ต่อบริษัทในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะสภาพคล่องทางการเงิน อีกทั้งยังเป็นการช่วยให้มีทุนไปใช้ในการขยายธุรกิจในอนาคต ซึ่งจะสนับสนุนต่อผลการดำเนินที่ดีขึ้นต่อเนื่อง "
เขากล่าวต่อว่าเม็ดเงินจากการระดมทุนครั้งนี้ ส่วนหนึ่งจะนำไปลดภาระผูกพันที่มีผลในเชิงลบต่อบริษัท ซึ่งมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจเครื่องมือแพทย์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ความน่าเชื่อถือให้กับคู่ค้า สถาบันการเงินและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทในระยะยาว รวมทั้งสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปีนี้ ยังเชื่อมั่นจะเดินตามเป้าหมายในการสร้างรายได้เติบโต 15%จากปีก่อน เนื่องจากแนวโน้มการสร้างรายได้ธุรกิจจากบริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิกจำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูก ปัจจุบันมีสัญญาณการเติบโตที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในด้านธุรกิจครื่องมือแพทย์ของบริษัท EFORL ยังคงเติบโต โดยที่ผ่านมา EFORL มีการร่วมลงทุนผลิตเครื่องมือแพทย์บางรายการกับบริษัทชั้นนำในต่างประเทศ และมีการออกผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ใหม่ ๆมากขึ้น ในเวลาเดียวกันบริษัทฯพยายามหาโอกาสขยายการลงทุนในรูปแบบใหม่ๆ โดยเน้นการสร้างรายได้เพิ่มขึ้น และจะทำให้สถานการณ์การติดเครื่องหมาย "C" (Caution) สามารถปลดล็อคได้เร็วขึ้น ซึ่งหากเป็นไปตามแผน คาดว่าภายในต้นปีหน้าจะสามารถปลดเครื่องหมาย C ได้อย่างแน่นอน