กรุงเทพฯ--8 พ.ย.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
"อเล็กซ์ มาร์เกซ" (Alex Marquez) นักบิดชาวสเปน ครองแชมป์โลกศึก Moto2 รายการมาเลเชียกรังด์ปรีซ์ (Malaysian Grand Prix) ถือเป็นการคว้าแชมป์ตำแหน่ง Moto2 ระดับโลกครั้งแรกของเขาอีกด้วยหลังจากคว้าไปสิบโพเดียม และชัยชนะห้าครั้ง อีกทั้งยังสร้างสถิติรอบใหม่ในการแข่งขัน นักแข่งจากทีม EG 0.0 Marc VDS ผู้นี้ปิดฉากการต่อสู้ชิงแชมป์อันร้อนระอุ โดยเหลือรอบการแข่งขันอีกหนึ่งรอบสุดท้ายในประเทศสเปนบ้านเกิดของเขา นอกเหนือจากชัยชนะทั้งห้านี้ เขายังได้สร้างสถิติมากกว่านักแข่งผู้อื่นในฤดูกาลด้วยสไตล์การขับขี่ของเขาที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพลังของเครื่องยนต์ไทรอัมพ์ Moto2 765 ซีซี
หลังจากการแข่งขันทั้ง 18 รอบของฤดูกาลแข่งขันอันน่าเหลือเชื่อ และสูสีที่สุดเท่าที่เคยมีมาในการแข่งขันศึก Moto2 มีการสร้างสถิติรอบทั้งหมด 13 ครั้ง สถิติสนาม 11 ครั้ง และสถิติความเร็วสูงสุด 17 ครั้ง โดยมี "สเตฟาโน แมนซี่" (Stefano Manzi) เป็นผู้ทำความเร็วได้สูงสุด 301.8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือเป็นครั้งแรกในการแข่งขัน Moto2 ประจำฤดูกาล 2019 ที่มีการทำความเร็วเกิน 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
"อเล็กซ์ มาร์เกซ" (Alex Marquez) อาจเป็นผู้ชนะที่คว้าตำแหน่งแชมป์ แต่เขายังต้องเผชิญกับการแข่งขันอันเข้มข้นสำหรับตำแหน่งโพเดียมสุดท้าย โดยมี "โทมัส ลูธี" (Thomas Luthi) เป็นผู้ไล่ตามในช่วงหลังของศึกการชิงตำแหน่งแชมป์ แต่กลายเป็นว่า "แบรด บินเดอร์" (Brad Binder) ผู้มาพร้อมกับฟอร์มที่ดี สามารถคว้าชัยชนะครั้งที่สี่ของฤดูกาลไปในศึกที่มาเลเซีย ทำให้เขาขยับขึ้นสู่อันดับที่สองในการแข่งขันและมีแต้มนำ "โทมัส ลูธี" อยู่สี่แต้ม ในขณะที่ "จอร์จ นาวาร์โร" (Jorge Navarro) เป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังต่อสู้เพื่อโพเดียมในรอบสุดท้าย แม้จะมีคะแนน 20 แต้มตามหลังก็ตาม แน่นอนว่ายังมีการเดิมพันอีกมากมายที่ยังรออยู่
มร.สตีฟ ซาร์เจนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ กล่าวว่า "ไทรอัมพ์ขอแสดงความยินดีกับ "อเล็กซ์ มาร์เกซ" และทีม EG 0.0 Marc VDS ที่ปิดฉากการแข่งขันชิงแชมป์โลกด้วยการคว้าตำแหน่งแชมป์ Moto2 เป็นครั้งแรก! ถือเป็นฤดูกาลแข่งขันที่ดีที่สุดของเขาในการแข่งขัน Moto2 เห็นได้ชัดเจนจากคะแนนของเขาที่ไม่เคยพ้นจากตำแหน่งโพเดียมเลย และมันเกิดขึ้นได้เนื่องจากเขาสามารถเค้นพลังของเครื่องยนต์ไทรอัมพ์ Moto2 สามสูบ 765 ซีซี ได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งคุณสมบัติของเครื่องยนต์ดังกล่าวทำให้เขาควบคุมรถ พร้อมทำความเร็วได้อย่างทรงพลังยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ Moto2 รุ่นก่อนหน้า ทำให้ฤดูกาลนี้เป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์การแข่งขันที่น่าตื่นเต้นและสูสีที่สุด พร้อมกันนี้เราจะมาเฝ้าจับตามองกันว่าใครจะเป็นผู้คว้าสองตำแหน่งสุดท้ายบนโพเดียมในรอบปิดสนามที่วาเลนเซีย"
สำหรับเครื่องยนต์ไทรอัมพ์ Moto2 แบบ 3 สูบ ขนาด 765 ซีซี พัฒนามาจากเครื่องยนต์ที่ติดตั้งอยู่ในไทรอัมพ์ สตรีท ทริปเปิล อาร์เอส (Street Triple RS) ซึ่งสามารถแสดงให้เห็นถึงพละกำลังมากกว่า 140 แรงม้า รวมทั้งเสียงของเครื่องยนต์อันทรงพลังได้อย่างน่าทึ่ง โดยการแข่งขันรายการ Moto2 สนามถัดไป คือการแข่งขัน The Valencia GP รอบสุดท้าย ซึ่งเป็นการแข่งขันรอบที่ 19 และเป็นการปิดฉากฤดูกาลแข่งขันอันสูสีที่ยาวนาน อีกทั้งยังเป็นบทสรุปปีแรกของไทรอัมพ์ในการแข่งขันชิงแชมป์โลกรายการ Moto2
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.triumphmotorcycles.co.th ตลอดจนติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่ www.facebook.com/TriumphMotorcyclesThailand
เกี่ยวกับ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์:
ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เป็นผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของประเทศอังกฤษ ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1902 มีพนักงานทั่วโลกราว 2,000 คน มีบริษัทสาขาทั้งในประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน อิตาลี ญี่ปุ่น สวีเดน กลุ่มประเทศเบเนลักซ์ บราซิล อินเดีย และไทย ซึ่งทางบริษัทเข้ามาทำการตลาดและจัดจำหน่ายในนาม บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ตั้งแต่ปี 2015 มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการกว่า 620 รายทั่วโลก บริษัทฯ มีฐานการผลิตจักรยานยนต์เต็มรูปแบบ 2 แห่งที่ฮิงค์ลีย์ เขตเลสเตอร์ไซร้ ประเทศอังกฤษ และที่ประเทศไทย รวมทั้งมีโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์แบบ CKD (Completely Knocked Down) ในประเทศบราซิล และประเทศอินเดีย ปัจจุบันมีการผลิตรถจักรยานยนต์ราว 65,000 คันต่อปี โดยหัวใจหลักในการทำงานของ ไทรอัมพ์ คือ การมุ่งมั่นสร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ผสมผสานงานออกแบบที่สวย คลาสสิก ร่วมสมัย เข้ากับความแม่นยำในการควบคุมรถ และสมรรถนะอันเป็นเลิศ เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ