กรุงเทพฯ--11 พ.ย.--ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.20-30.50 ต่อดอลลาร์เทียบกับระดับปิดอ่อนค่าที่ 30.38 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.25% และปรับกฎเกณฑ์เพื่อลดแรงกดดันต่อการแข็งค่าของเงินบาท โดยราคาทองคำในตลาดโลกที่ร่วงลงแรงมีส่วนทำให้เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 3 สัปดาห์เช่นกัน ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย 2.4 พันล้านบาท และ 2.7 พันล้านบาท ตามลำดับ
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า นักลงทุนจะให้ความสนใจข้อมูลเงินเฟ้อและยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ การแถลงของประธานเฟดต่อสภา รวมถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน หลังจากดัชนีภาคบริการออกมาสดใสเกินคาด ส่งผลให้ตลาดลดคาดการณ์เกี่ยวกับการผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อนึ่ง ในภาพรวมความผันผวนของตลาดการเงินโลกที่ลดลงและการที่นักลงทุนคลายกังวลต่อความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจเข้าสู่ภาวะถดถอยมีแนวโน้มหนุนค่าเงินดอลลาร์ในระยะนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับเงินเยน
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ กนง.มีมติให้ลดดอกเบี้ยนโยบาย โดยระบุว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตต่ำกว่าศักยภาพมากขึ้นท่ามกลางการส่งออกที่หดตัวและอุปสงค์ในประเทศชะลอตัว ขณะที่อัตราเงินเฟ้อปี 2562 และ 2563 มีแนวโน้มต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมายที่ 1% นอกจากนี้ ในกลุ่มมาตรการที่ธปท.ประกาศปรับเพื่อบรรเทาปัญหาเงินบาทแข็งค่า ซึ่งรวมถึงการยกเว้นการนำเงินรายได้จากการส่งออกกลับประเทศ การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ การโอนเงินออกนอกประเทศ และการซื้อขายทองคำในประเทศเป็นเงินตราต่างประเทศนั้น เรามองว่าประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายทองคำสะท้อนทิศทางที่มีนัยสำคัญสำหรับระยะถัดไปในบริบทที่จะลดผลกระทบของราคาทองต่อค่าเงินบาท ส่วนดอกเบี้ยนโยบาย เราคาดว่ามีแนวโน้มทรงตัวในปี 2563 ขณะที่ความเสี่ยงด้านเสถียรภาพอาจเพิ่มขึ้นจากสภาวะแวดล้อมที่ดอกเบี้ยต่ำมากเป็นเวลานาน