กรุงเทพฯ--13 พ.ย.--ไฟว์ ดับบลิว แอนด์ เอช คอมมิวนิเคชั่น
บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ ไอวีแอล รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2562
ข้อมูลสำคัญของผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2562:
- ปริมาณการผลิตเติบโตร้อยละ 23 เมื่อเทียบปีต่อปี อยู่ที่ 3.3 ล้านตัน แม้ว่ารายได้รวมจะลดลงร้อยละ 3 อยู่ที่ 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องด้วยราคาขายสินค้าที่ลดลง ส่งผลให้กำไรหลักก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (Core EBITDA) ลดลงร้อยละ 31 อยู่ที่ 281 ล้านเหรียญสหรัฐ (สิบสองเดือนสิ้นสุดไตรมาสที่ 3 ปี 2562 เท่ากับ 1.26 พันล้านเหรียญสหรัฐ)
- กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน (OCF) เติบโตร้อยละ 47 เมื่อเทียบปีต่อปี อยู่ที่ 405 ล้านเหรียญสหรัฐ (สิบสองเดือนสิ้นสุดไตรมาสที่ 3 ปี 2562 เท่ากับ 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ) สะท้อนถึงการเพิ่มประสิทธิภาพจัดการเงินทุนหมุนเวียน และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ทำให้ระยะเวลาสำหรับเงินทุนหมุนเวียนสุทธิของบริษัทลดลง 3 วันเมื่อเทียบปีต่อปี
- บริษัทฯ มีการจ่ายเงินปันผล 1.4 บาทต่อหุ้นในสิบสองเดือนสิ้นสุดไตรมาสที่ 3 ปี 2562 เป็นผลจากกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง ซึ่งสูงกว่านโยบายที่ระบุไว้ที่ร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิ
- TRIS ยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทที่ ระดับ AA- หลังจากการประกาศการเข้าซื้อกิจการ Spindletop (สินทรัพย์ของบริษัท Huntsman)
ข้อมูลสรุป:
การเติบโตของปริมาณการผลิต เป็นผลมาจากการเติบโตภายในร้อยละ 5 และจากการเข้าซื้อกิจการร้อยละ 18 ซึ่งการเติบโตจากภายในดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจของไอวีแอล
อัตราส่วนหนี้สินจากการดำเนินงานสุทธิต่อทุนอยู่ที่ 0.61 เท่า ประกอบกับกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานที่แข็งแกร่ง บริษัทฯ มีการไถ่ถอนหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนมูลค่า 15 พันล้านบาทและออกใหม่ด้วยดอกเบี้ยที่ลดลง 200 basis points
การเข้าซื้อกิจการ Huntsman (Spindletop) ซึ่งเป็นการซื้อกิจการที่มีมูลค่าสินทรัพย์สูงที่สุดของไอวีแอล ณ ขณะนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2563 Adjusted EBITDA ของ Spindletop ตามนิยามของไอวีแอล สำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2562 เท่ากับ 122 ล้านเหรียญสหรัฐ และสิบสองเดือนสิ้นสุดไตรมาสที่ 3 ปี 2562 เท่ากับ 360 ล้านเหรียญสหรัฐ การประกาศการเข้าซื้อกิจการนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์การลงทุนของไอวีแอลในธุรกิจ Gas Cracker และออกไซต์ในสหรัฐอเมริกา โดยเอื้อให้เกิดประโยชน์จากขนาด และเพิ่มความสามารถในการผลิต นอกจากนี้ ธุรกิจสารลดแรงตึงผิว ซึ่งเป็นธุรกิจปลายน้ำ และธุรกิจโพรพิลีนออกไซด์ จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ไอวีแอลได้เติบโตในธุรกิจที่มีความแตกต่าง โดยยังคงรักษาความเป็นผู้นำในการผลิต PET ทั้งนี้ หลังจากการเข้าซื้อกิจการเสร็จสิ้นในไตรมาสที่ 1 ปี 2563 ไอวีแอลคาดหวังที่จะสร้างผลประโยชน์จากการเกื้อหนุนทางธุรกิจมูลค่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐจากโครงการ "prosperity" และโครงการต่างๆ ที่มุ่งสร้างความเป็นเลิศในการปฏิบัติงาน
ไอวีแอลคาดการณ์การเติบโตของกระแสเงินสดระหว่างปี 2563-2566 จากการเริ่มการผลิตของโรงงาน Gas Cracker ในสหรัฐอเมริกาในไตรมาสที่ 1 ปี 2563, การเข้าซื้อกิจการ Spindletop ที่จะเสร็จสิ้นในไตรมาสที่ 1 ปี 2563, การมุ่งปรับปรุงเงินทุนหมุนเวียนจากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง, การส่งเสริมการตอบสนองความต้องการของลูกค้าโดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และโครงการร่วมทุนคอร์ปัส คริสตี ที่จะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2564 ถึงไตรมาสที่ 1 ปี 2565, การสร้างการเกื้อหนุนเพิ่มเติมในธุรกิจเส้นใยในกลุ่มยานยนต์ ไลฟ์สไตล์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย รวมถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตและพัฒนานวัตกรรมต่างๆ
ไอวีแอลมุ่งส่งเสริมการเติบโตของการรีไซเคิล PET และแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ด้วยความสามารถในการรีไซเคิล ทั้งเชิงกลและเชิงเคมี ล่าสุด บริษัทฯ ได้ร่วมกับบริษัท โคคา-โคล่าและพันธมิตรอื่นๆ ช่วยแปรรูปขยะจากทะเลเป็น PET รีไซเคิลเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ยังตั้งงบลงทุน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2566 ไอวีแอลตั้งเป้าขยายโรงงานรีไซเคิล PET ที่มีอยู่ในปัจจุบันทั้ง 11 แห่ง ทั้งด้วยการขยายกำลังการผลิตและลงทุนเพิ่มเติม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภค
เกี่ยวกับ อินโดรามา เวนเจอร์ส
บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (Bloomberg ticker IVL.TB) เป็นหนึ่งในบริษัทปิโตรเคมีชั้นนำระดับโลก มีโรงงานผลิตครอบคลุมภูมิภาคหลักทั่วโลก ได้แก่ แอฟริกา เอเชีย ยุโรปและอเมริกาเหนือ โดยมีกลุ่มธุรกิจหลัก ประกอบด้วย ธุรกิจ Integrated PET ธุรกิจโอเลฟินส์ ธุรกิจเส้นใย ธุรกิจบรรจุภัณฑ์และธุรกิจเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty Chemicals) ผลิตภัณฑ์ของไอวีแอลรองรับลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลส่วนบุคคล และอุตสาหกรรมยานยนต์ อาทิ ผลิตภัณฑ์ยางในรถยนต์และผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย ปัจจุบันบริษัทฯ มีพนักงานทั่วโลกราว 19,000 คนและมีรายได้จากการขายรวม 10.7 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2561 บริษัทฯ เป็นสมาชิกดัชนีดาวโจนส์ (DJSI) และมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทยและมีโรงงานทั่วโลก อันได้แก่
ยุโรป ตะวันออกกลางและแอฟริกา: เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี สาธารณรัฐไอร์แลนด์ ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี เดนมาร์ก ลิทัวเนีย โปแลนด์ สาธารณรัฐเช็ก ลักเซมเบิร์ก สเปน ตุรกี ไนจีเรีย กานา โปรตุเกส อิสราเอล อียิปต์ รัสเซีย สโลวาเกีย ออสเตรีย
อเมริกา: สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก แคนาดา บราซิล
เอเชีย: ไทย อินโดนีเซีย จีน อินเดีย ฟิลิปปินส์ เมียนมาร์