กรุงเทพฯ--13 พ.ย.--มีเดียแอสโซซิเอตเต็ด
งานมหกรรมการเงินเชียงใหม่ ครั้งที่ 14 Money Expo Chiangmai 2019 มียอดเงินสะพัดในงานกว่า 9,100 ล้านบาท ดอกเบี้ยขาลงหนุนสินเชื่อบ้านพุ่งกว่า 5,200 ล้านบาท เจ้าของธุรกิจ/สตาร์ตอัพขอกู้สินเชื่อ SMEs กว่า 1,300 ล้านบาท ประชาชนแห่ลงทุนเพื่อเพิ่มผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก หนุนยอดซื้อประกันกว่า 730 ล้านบาท และกองทุนกว่า 280 ล้านบาท
นางสาวภาคนี วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานร่วม งานมหกรรมการเงินเชียงใหม่ ครั้งที่ 14 Money Expo Chiangmai 2019 ภายใต้แนวคิด "Digital Orchestra" ระหว่างวันที่ 8-10 พฤศจิกายน2562 ณ เชียงใหม่ฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต เปิดเผยว่า บรรยากาศในงานมหกรรมการเงินเชียงใหม่ ครั้งที่ 14 เป็นไปอย่างคึกคักตั้งแต่วันแรกทำให้การจัดงานรวม 3 วัน มียอดธุรกรรมทางการเงินการลงทุนรวมกว่า 9,100 ล้านบาท จากผู้สมัครใช้บริการภายในงานกว่า 25,200 รายโดยมีประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงเดินทางมาใช้บริการทางการเงินและการลงทุนเป็นจำนวนมากกว่า 70,000 ราย
สินเชื่อบ้านและรีไฟแนนซ์บ้าน ยังฮิตติดอันดับ 1 มีผู้สมัครใช้บริการเป็นวงเงินกว่า 5,200 ล้านบาท จากการที่ธนาคารได้ประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้และมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่ลดค่าธรรมเนียมการโอนจากเดิม 2% เหลือ 0.01% และค่าธรรมเนียมจดจำนองจากเดิม 1% เหลือ 0.01% เพื่อลดภาระให้กับประชาชน นอกจากนี้ ธนาคารที่ร่วมออกบูธยังนำโปรโมขั่นพิเศษส่งท้ายปีมามอบให้กับประชาชนชาวเชียงใหม่และจังหวัดในภาคเหนือ และมีการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อเบื้องต้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ยื่นขอกู้รู้ผลทันทีภายในงาน
อันดับ 2 สินเชื่อ SMEs มีผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม รวมทั้งผู้ประกอบการ สตาร์ตอัพยื่นขอกู้วงเงินรวมกว่า 1,300 ล้านบาท ซึ่งสามารถกู้ได้วงเงินสูงสุดถึง 100 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำสุด 4% ต่อปี สำหรับสตาร์ตอัพจะได้รับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปีแรกเพียง 1.99%
นางสาวภาคนีกล่าวว่า เนื่องจากภาวะอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลงประชาชนและนักลงทุนจึงมองหาทางเลือกการลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนมากขึ้น ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์การลงทุนในปีนี้ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ โดย กรมธรรม์ประกันชีวิต/ประกันภัยและแบงก์แอสชัวรันส์ มียอดทุนประกันรวมกันกว่า 730 ล้านบาท สูงเป็นอันดับ 3 แบบประกันที่ได้รับความนิยมคือ ประกันสะสมทรัพย์ระยะสั้น 5-10 ปี และแบบประกันที่ให้ความคุ้มครองระยะปานกลาง 10-15 ปี เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีและเน้นการออมเงินเพื่อรับผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก รวมถึงสนใจทำประกันสุขภาพเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลควบคู่กันไปด้วย
นอกจากนี้ ยังลงทุนใน กองทุน อีกกว่า 280 ล้านบาท โดยภายในงานมีให้เลือกทั้งกองทุนตลาดเงิน กองทุนตราสารหนี้ กองทุนหุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทน ส่วนกองทุน LTF และ RMF ก็ยังเป็นเครื่องมือวางแผนภาษีที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการลงทุนผ่านกองทุนกับธนาคารที่เข้าร่วมงานยังได้รับของที่ระลึกและสิทธิพิเศษต่างๆ มากมาย รวมทั้ง ฝากเงินและซื้อสลากออมทรัพย์ วงเงินรวมกว่า 280 ล้านบาท
ด้านการลงทุนหุ้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนำทีมที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่มาให้คำแนะนำกลยุทธ์ในการลงทุนที่เหมาะสมเช่น กลยุทธ์ลงทุนแบบ DCA #investnow ลงทุนทุกเดือนสู่เป้าหมายเงินล้าน เริ่มต้นได้ด้วยเงินหลักหมื่นหลักพัน นอกจากนี้ ยังนำเครื่องมือทางการลงทุนรูปแบบใหม่ๆ เช่น Settrade Streaming ออมหุ้นยุคจิทัล ตัดอัตโนมัติคัดหุ้นเด็ด พร้อมแจกฟรี Top 5 DCA หุ้นเด่นทยอยลงทุนอย่างสม่ำเสมอจากโบรกเกอร์
สำหรับบริการทางการเงินอื่นๆ นางสาวภาคนีเปิดเผยว่า มีผู้สมัครใช้ บัตรเครดิต 8,860 ใบ วงเงินอนุมัติกว่า 700 ล้านบาท และมีผู้สมัครใช้บริการ สินเชื่อบุคคล กว่า 5,500 ราย วงเงินกว่า 390 ล้านบาท
งานมหกรรมการเงินครั้งต่อไปซึ่งเป็นงานสุดท้ายของปีนี้คือ งานมหกรรมการเงินส่งท้ายปี ครั้งที่ 3 Money Expo Year-End 2019 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน-1 ธันวาคม 2562 ที่ ฮอลล์ EH 99-100 ศูนย์การประชุมและนิทรรศการไบเทค บางนา เพื่อให้บริการประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกและจังหวัดใกล้เคียง