CAT เพิ่มศักยภาพประเทศไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ดึงภาครัฐ-เอกชนร่วมแชร์มุมมองรับยุคดิจิทัลทรานส์ฟอร์ม

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 14, 2019 14:13 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--สตูดิโอ แมงโก้ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT จัดเวทีเสวนาในหัวข้อ Empowering Thailand Through Digital Technology เพิ่มศักยภาพประเทศไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล งาน CAT Network Showcase 2019 ชูการสร้างระบบนิเวศน์เสริมศักยภาพและความเป็นผู้นำด้านการให้บริการอย่างครบวงจร มุ่งบริหารและจัดการดาต้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ด้านเซอร์ทิส บริษัทให้คำปรึกษาด้าน Data Science เชื่อมั่นว่าไทยเป็น Hub AI ได้ ส่วนภาคธนาคารดึง AI เสริมทัพการพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์ที่เข้าถึงและตอบโจทย์ลูกค้าไลฟ์สไตล์ ไปถึงการประกันภัย โดยมีดีป้าหนุนสร้างความแข็งแกร่ง สร้างคน สร้างธุรกิจให้ยั่งยืน ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานการตลาดและบริการ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า CAT ในฐานะผู้ให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคมรายใหญ่ของประเทศไทย ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบริการแก่กลุ่มลูกค้าเพิ่มมากขึ้น จะเห็นได้ว่าปัจจุบันข้อมูล หรือ DATA มีบทบาทสำคัญในการดำเนินธุรกิจ เพราะสามารถนำมาประมวลผล วิเคราะห์ เพื่อนำมาตัดสินใจในการวางแผนการทำงาน ไปจนถึงการพัฒนาบริการและสินค้าให้ตอบโจทย์และตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด ดังนั้นไลฟ์สไตล์ของคนแต่ละกลุ่มก็แตกต่างกัน CAT ในฐานะผู้ให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคมกับกลุ่มลูกค้าองค์กร จึงได้พัฒนารูปแบบการให้บริการเพื่อตอบโจทย์ครอบคลุมลูกค้าทุกองค์กร รวมถึงลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมด้วย ล่าสุด CAT ร่วมทำโครงการพัฒนาระบบคลาวด์ภาครัฐ GDCC – Government Data Center and Cloud Service กับทางกระทรวงดิจิทัลฯ เพื่อบริการด้านการบริหารจัดการข้อมูล (Data Management) โดยภาครัฐต้องการผลักดันโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เพื่อนำไปสู่การพัฒนาแพลตฟอร์มในการใช้งานและเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ขานรับกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลให้เป็นรูปธรรม อีกทั้งยังให้ความเห็นเกี่ยวกับการสร้างระบบนิเวศน์เพิ่มทัพองค์กร (ecosystem) ซึ่งมีองค์ประกอบและความเกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วน ได้แก่ ภาครัฐ มีหน้าที่ปรับความคิด(Mindset) การบริหารจัดการดาต้ามาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดนำไปสู่การวางนโยบายพัฒนาประเทศ ส่วนทางด้านภาคเอกชนจะเป็นผู้พัฒนานวัตกรรม และปัจจุบันกลุ่มสตาร์ทอัพได้พัฒนาแพลตฟอร์มขึ้นมาแล้ว ทางภาครัฐจึงต้องสนับสนุนให้ภาคเอกชนเดินหน้าต่อไปอย่างมมีประสิทธิภาพ ด้าน นายธี วชิรมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท เซอร์ทิส จำกัด เปิดเผยเกี่ยวกับมุมมองเทรนด์ของเทคโนฯ ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ว่า ปัจจุบันหลายหน่วยงานนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้กันแล้ว นอกจากนี้ยังมีประสบการณ์ในการร่วมทำงานกับทางรัฐบาลสิงคโปร์ในการทำเรื่อง Datana SportLab เป็นการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ร่วมกับ Computer Vision มาใช้ในทางการกีฬา ซึ่งทำให้เราไปเปิดบริษัทที่สิงคโปร์อีกหนึ่งแห่ง "ผมเชื่อว่าคนไทยมีศักยภาพ ความสามารถ และความพร้อม จึงอยากให้องค์กรในเมืองไทยยอมรับในศักยภาพและฝีมือคนไทยว่าสามารถพัฒนาเทคโนโลยีได้ไม่แพ้ต่างประเทศ ซึ่งในอนาคตประเทศไทยสามารถเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยี AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ได้ พร้อมกันนี้เรายังมีองค์กรอย่างดีป้าในการส่งเสริมและสนับสนุนด้วย" ทางด้าน ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า ดีป้าเตรียมแผนปี 2564 ในการเพิ่มกำลังคนดิจิทัล โดยเฉพาะในสายอาชีพที่ขาดแคลน อาทิ Data Science Data Engineering เพื่อทำให้ภาคธุรกิจเกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและพัฒนาควบคู่ไปกับการดึงดูดนักลงทุน และผู้ประกอบการต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศ เพื่อนำไปสู่การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ อีกทั้งยังรองรับระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่จะส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจโดยภาพรวมของประเทศมีความเข้มแข็ง อย่างไรก็ตามทางภาคธุรกิจก็ต้องประเมินการทำงานของตัวเองในองค์กร เพื่อนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ให้อย่างเหมาะสมด้วย ปิดท้ายที่ นายฐากร ปิยะพันธ์ ประธานกรรมการ กรุงศรีคอนซูเมอร์ และผู้บริหารสายงานดิจิทัลแบงก์กิ้งและนวัตกรรรม ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เผยถึงการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในวงการการเงินว่า ธนาคารได้พัฒนาและนำเทคโน AI เข้ามาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทั้งด้าน AI อย่างบริการในการจดจำข้อมูลลูกค้าจากเสียง โดยไม่ต้องสอบถามข้อมูลยืนยันตัวตนอีกแล้ว รวมถึงการนำดาต้าของลูกค้ามาวิเคราะห์และประเมินพฤติกรรม เพื่อนำข้อมูลมาให้บริการได้อย่างตรงจุด อย่างการจัดแคมเปญให้โดนใจลูกค้า ซึ่งปัจจุบันเรามีแคมเปญมากกว่า 8,000 แคมเปญ รวมถึงการติดตามทวงหนี้ที่นำ AI มาวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าในการชำระหนี้อีกด้วย จากเวทีเสวนาในหัวข้อ Empowering Thailand Through Digital Technology การเพิ่มศักยภาพประเทศไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลแสดงให้เห็นถึงศักยภาพความพร้อมของภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคธุรกิจที่ได้นำเทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามาพัฒนาให้เกิดเป็นนวัตกรรมและการบริการใหม่ๆ สิ่งสำคัญคือเราจะต้องไม่หยุดเรียนรู้เพื่อให้ทันเทคโนโลยีที่ทั่วโลกก้าวหน้าไปไกลขึ้นทุกวัน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ