กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--พลัส พร็อพเพอร์ตี้
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมตอบโจทย์ทุกบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ แนะผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวรับมือภาวะเศรษฐกิจชะลอ มุ่งติดตามข่าวสาร ศึกษาทำเลเรียลดีมานด์อย่างรอบคอบ มองสถานการณ์จริงและปรับตัว โฟกัสโครงการพร้อมขายเพื่อลดความเสี่ยง พร้อมเผยเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ยังเน้นทำเลศักยภาพที่สามารถเดินทางเชื่อมต่อได้หลากหลาย และโครงการที่มีเทคโนโลยี IoT ช่วยอำนวยความสะดวกด้านการอยู่อาศัย เป็นโครงการที่ได้รับความสนใจ
นางสาวสมสกุล หลิมศุทธพรรณ รองกรรมการผู้จัดการสายงานบริหารธุรกิจใหม่และสนับสนุนงานขาย บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมตอบโจทย์ทุกบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ภาวะเศรษฐกิจยังชะลอตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายรายออกมาปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สำหรับพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ในส่วนของงานบริหารงานขาย ยังเดินตามแผนโรดแมพระยะยาวที่เดินหน้าขยายฐานลูกค้าไปกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการรุ่นใหม่ กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการต่างชาติ และกลุ่มลูกค้าบริษัทขนาดใหญ่ ในการเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับลูกค้า เป็นมากกว่าตัวแทนขาย เข้าไปมีส่วนร่วมให้คำปรึกษาตั้งแต่ก่อน-ระหว่าง-หลัง การพัฒนาโครงการ เพื่อให้แต่ละโครงการมีรูปแบบที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย และออกแบบกลยุทธ์การบริหารงานขายและการตลาดที่ตอบโจทย์ Customer-Centric และที่สำคัญคือเคียงข้างและให้คำปรึกษาลูกค้าผู้ประกอบการในทุกสถานการณ์ ไม่ทอดทิ้งลูกค้า ซึ่งในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจชะลอตัวนั้นลูกค้าหลายรายโดยเฉพาะรายใหญ่ล้วนมีการปรับตัวที่ดี
พลัสฯ ในฐานะที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี มีคำแนะนำการปรับตัวสำหรับผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหม่ ผู้ประกอบการจะต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น โดย
- คอยติดตามสถานการณ์ตลาดและข่าวสารอย่างใกล้ชิด เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจครั้งนี้เป็นการชะลอตัวในหลายประเทศ จึงอาจกระทบกับกำลังซื้อของผู้บริโภคทั่วโลก หากผู้ประกอบการรายใดมีเป้าหมายเน้นกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ก็จำเป็นต้องติดตามสถานการณ์ประเทศที่เป็นกลุ่มลูกค้าอย่างใกล้ชิดว่ากำลังซื้อยังดีหรือไม่
- หา Demand เฉพาะในแต่ละพื้นที่ และลงทุนให้เหมาะกับขนาดตลาดหรือความต้องการที่มี เมื่อสถานการณ์ของตลาดนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ (Investor) ได้รับผลกระทบจากการควบคุมการปล่อยสินเชื่อของภาครัฐฯ การศึกษากลุ่มที่เป็นผู้อยู่อาศัยจริง (Real Demand) ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ควรสำรวจตลาดโดยเฉพาะเรื่องยอดขายของโครงการในบริเวณนั้นๆ และจำนวนยูนิตเหลือขาย จากประสบการณ์เชื่อว่าตลาดที่อยู่อาศัยยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่องหากพัฒนาสินค้าให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายในทำเลนั้นๆ จึงต้องศึกษาและวิจัยตลาดอย่างละเอียดและตั้งราคาที่สมเหตุสมผล
- ความรู้เกี่ยวกับตลาดและทำเลต้องแน่น ทำเลที่ตั้งของโครงการเป็นสิ่งที่ลูกค้าพิจารณาเป็นอันดับต้นๆ การเลือกทำเลจึงเป็นสิ่งสำคัญ ต้องเข้าใจตลาดในทำเลนั้นและสามารถวิเคราะห์ศักยภาพทำเลได้อย่างแม่นยำ เพื่อการพัฒนาโครงการที่เหมาะสมและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าด้วย และวางแผนเปิดตัวโครงการให้สอดคล้องกับภาวะตลาดที่แท้จริงมากยิ่งขึ้น พิจารณาเรื่องเวลาและจังหวะการเปิดตัวที่เหมาะสม และมีแผนรองรับที่มีความยืดหยุ่นตามสถานการณ์ตลาด
- Customer-Centric ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยต้องเข้าใจ Insight ของลูกค้าว่ากลุ่มเป้าหมายมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตและความต้องการด้านที่อยู่อาศัยอย่างไร เพื่อออกแบบโครงการที่ตอบโจทย์และวางกลยุทธ์การขายและการตลาดที่ตรงใจลูกค้า นอกจากนี้การปรับสเปคโครงการเพื่อให้ตั้งราคาได้เหมาะสมกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ก็เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่น่าสนใจ และเน้นโฟกัสโครงการเดิมที่มีอยู่เพื่อระบายสต็อก
- ทำการตลาดที่แข็งแกร่ง สามารถสื่อสารภาพลักษณ์ที่สะท้อนจุดเด่นของโครงการและเชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย การออกแบบห้องพักและพื้นที่ส่วนกลางต้องสะท้อนภาพลักษณ์ของกลุ่มเป้าหมาย ต้องมีความประณีตในการพัฒนาและเลือกสรรสิ่งต่างๆ เพื่อสะท้อนความใส่ใจในทุกรายละเอียด การตลาดที่ดีจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของผู้พัฒนาโครงการและตัวโครงการ สามารถสื่อสารจุดเด่นของตัวโครงการให้เชื่อมโยงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้ เลือกกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อทำตลาด ให้ความสำคัญกับการสร้าง Brand Story ที่สามารถสะท้อน Personality ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ ทั้งในแง่ Functional และ Emotional
"นอกจากนี้พลัสฯ ยังได้ทำการสำรวจเทรนด์ความต้องการผู้บริโภคในปัจจุบันพบว่า คอนโดมิเนียมในทำเลที่เดินทางสะดวก มีการเชื่อมต่อด้านคมนาคมที่หลากหลาย ยังคงตอบโจทย์ลูกค้าในทุกยุคสมัย ในปีนี้ทำเลสุขุมวิทตอนกลางถือว่ามีความโดดเด่น ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกในทุกด้านของการใช้ชีวิต อย่างไรก็ตามหากดูจากเทรนด์ของโครงการใหม่ที่เปิดในปีนี้จะพบว่า ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัยและมีการออกแบบ Facility ตลอดจนการบริการต่างๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะกลุ่มมากขึ้น และมีเทคโนโลยี IoT ใช้อำนวยความสะดวกในโครงการ จะได้รับความสนใจจากลูกค้ามากยิ่งขึ้น" นางสาวสมสกุล กล่าว
ทั้งนี้ ธุรกิจ Sole Agent หรืองานบริหารงานขายของพลัสฯ ปัจจุบัน (เดือนพฤศจิกายน 2562) มีลูกค้ารวม 13 โครงการ มูลค่าโครงการโดยประมาณอยู่ที่ 14,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ 50% กลุ่มบริษัทมหาชน 30% และกลุ่มทุนต่างชาติ 20%