กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--พีอาร์ โฟกัส
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 กรุงเทพฯ : SUSCO เผยผลประกอบการ ไตรมาส 3/2562 มีกำไรเติบโตขึ้นกว่า 26 % เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว สำหรับการขยายสถานีบริการ และการขยายธุรกิจ Non-Oil อาทิ ร้านสะดวกซื้อจากญี่ปุ่น LAWSON 108 เป็นไปตามเป้าหมาย ผนวกกับแคมเปญ SUSCO Smart Member ผลตอบรับดีเยี่ยม
คาดว่าในไตรมาส 4/2562 โกยรายได้เพิ่มรับไฮซีซั่น
นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SUSCO กล่าวว่า ผลประกอบการ ไตรมาส 3/2562 SUSCO มีกำไรสุทธิ 75.50 ล้านบาท คิดเป็นกำไรเพิ่มขึ้นกว่า 26 % เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งมีกำไรสุทธิ 59.75 ล้านบาท สำหรับช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา SUSCO มีกำไรสุทธิ 334.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2561 ที่มีจำนวน 237.50 ล้านบาท เป็นจำนวน 97.22 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 40 กำไรที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการรุกขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้าน Oil และ Non-Oil ไม่ว่าจะเป็นการขยายสถานีบริการน้ำมัน ส่งออกน้ำมันไปยังต่างประเทศ และการจำหน่ายน้ำมันเครื่องบิน รวมถึงการขยายร้านสะดวกซื้อ LAWSON 108 และการดึงร้านค้าพันธมิตร หลากหลายมาเพิ่มฐานลูกค้า ทั้งนี้ คาดว่า ในไตรมาส 4/2562 จะทำรายได้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น ที่มีความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น ทำให้มั่นใจว่าปีนี้ SUSCO จะมีรายได้ทะลุตามเป้าหมาย อย่างแน่นอน
"ผลประกอบการ SUSCO ไตรมาส 3 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ในสภาวะเศรษฐกิจซึ่งชะลอตัว โดย SUSCO มีรายได้จากการจำหน่ายน้ำมันกว่า 6,700 ล้านบาท มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันรวมกว่า 337 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี2561 กว่า 10% ยิ่งไปกว่านั้น ยอดขายน้ำมันสำเร็จรูปส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และน้ำมันเครื่องบิน ก็ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้มียอดขายเติบโตขึ้นอย่างชัดเจน นอกจากนี้ การจัดแคมเปญสมาชิก SUSCO Smart Member ได้ผลตอบรับที่ดีเยี่ยม ปัจจุบันมียอดสมาชิกทั่วประเทศรวมแล้วกว่า 1 ล้านราย ซึ่งช่วยกระตุ้นยอดขายน้ำมัน ให้เพิ่มมากขึ้น
สำหรับ แผนงานในปี 2563 SUSCO ตั้งเป้ายอดขายน้ำมันเติบโตอีก 8 % โดยขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ เร่งการขยายสถานีบริการให้ครบ 270 แห่ง ตามเป้าหมาย พร้อมปรับโฉมสถานีบริการ ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนกว่า 300 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าขยายฐาน SUSCO Smart Member สู่กลุ่มสมาชิกใหม่" นายชัยฤทธิ์กล่าวสรุปในที่สุด